ดัชนีดาวโจนส์ร่วงต่อกว่า 60 จุด ยอดค้าปลีกสูงเกินคาดสหรัฐฯ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาด
- นักลงทุนกังวลธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) จะตรึงดอกเบี้ยในระดับสูงยาวนานกว่าที่คาด
- ตลาดจับตารายงาน Beige Book จากเฟดคืนนี้ เพื่อหาทิศทางภาวะเศรษฐกิจสหรัฐฯ
เมื่อเวลาประมาณ 22.00 น.ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 37,295.46 จุดลดลง 65.66 จุด หรือ 0.18% ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 4,732.75 จุด ลดลง 33.23 จุด หรือ 0.70% ขณะที่ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 14,748.62 จุด ลดลง 195.73 จุด หรือ 1.31%
กระทรวงพาณิชย์สหรัฐ เปิดเผยยอดค้าปลีกเดือน ธ.ค.เพิ่มขึ้น 0.6% เทียบกับเดือนก่อนหน้า สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.4% หลังจากเพิ่มขึ้น 0.3% ในเดือนพ.ย. และเมื่อเทียบรายปี ยอดค้าปลีกพุ่งขึ้น 5.6% ในเดือน ธ.ค.
หากไม่รวมยอดขายรถยนต์และน้ำมัน ยอดค้าปลีกเพิ่มขึ้น 0.6% ในเดือน ธ.ค. ตัวเลขค้าปลีกที่แข็งแกร่ง ทำให้นักลงทุนพากันปรับลดน้ำหนักต่อคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยในเดือนมี.ค. ขณะที่เพิ่มน้ำหนักต่อการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในเดือนดังกล่าว ล่าสุด FedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนัก 57.6% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 63.1% เมื่อวานนี้ นอกจากนี้ นักลงทุนให้น้ำหนัก 40.9% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมวันที่ 19-20 มี.ค. หลังจากที่ให้น้ำหนัก 34.9% เมื่อวานนี้
นักลงทุนจับตาถ้อยแถลงของนายจอห์น วิลเลียมส์ ประธานเฟด สาขานิวยอร์ก ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของเฟด ก่อนที่เฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วงงดเว้นการแสดงความเห็นเกี่ยวกับนโยบายการเงิน (Blackout Period) ในปลายสัปดาห์นี้ โดยเฟดจะเริ่มเข้าสู่ช่วง Blackout Period ในวันที่ 20 ม.ค. ก่อนที่เฟดจะจัดการประชุมกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ในวันที่ 30-31 ม.ค.
ตลาดจับตาการเปิดเผยรายงานสรุปภาวะเศรษฐกิจ หรือ Beige Book จากเฟดในคืนนี้ ซึ่งจะบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐ
ทั้งนี้ Beige Book เป็นรายงานซึ่งจะมีการเปิดเผยก่อนการประชุมคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงินของเฟด (FOMC) เป็นเวลา 2 สัปดาห์ โดยเป็นการประเมินภาวะเศรษฐกิจจากเจ้าหน้าที่เฟดซึ่งประจำอยู่ใน 12 เขตของสหรัฐ
รวมทั้ง รวบรวมข้อมูลจากมุมมองของผู้นำธุรกิจ รวมทั้งนักเศรษฐศาสตร์และนายธนาคารในภูมิภาค ทำให้ Beige Book สามารถสะท้อนภาวะเศรษฐกิจสหรัฐในวงกว้าง
