“พิชัย” ลั่น!คลังเหลือกระสุน ไม่มาก เผยดิจิทัล วอลเล็ต ได้ใช้แน่ Q4 ปีนี้



พิชัย รมว.คลัง เผยเศรษฐกิจไทยยังตกต่ำ หนี้ครัวเรือนพุ่งสูงแตะ 90% ของจีดีพี ชี้ปัญหาประชาชนมีรายได้ไม่พอรายจ่ายท่วม พิชัย เผยต่อ หนี้สาธารณะไทยตอนนี้อยู่ที่ราวๆ 64% ใกล้แตะกรอบเพดานการก่อหนี้สาธารณะ ที่กำหนดไม่เกิน 70% ของจีดีพี

  • เผยตอนนี้ประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ผู้ผลิตและผู้ขายสินค้า ก็ต้องเจอปัญหาที่ไม่ต่างกัน ส่งผลยอดขายน้อย
  • ลั่นดิจิทัล วอลเล็ต จะเป็นนโยบายช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับฐานราก ในระดับอำเภอ
  • ชี้กระสุนที่จะใช้เหลือไม่เยอะ แต่จะทำเต็มที่ ย้ำลงทะเบียนดิจิทัล วอลเล็ต วันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย.67 เริ่มใช้จ่ายได้ภายในไตรมาส 4 ของปี 67

นายพิชัย ชุณหวชิร รองนายกรัฐมนตรี และรมว.คลัง เปิดเผยระหว่างแถลงข่าวความคืบหน้า ของโครงการเติมเงิน10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet (ดิจิทัล วอลเล็ต) ณ ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล ว่า นโยบายโครงการดิจิทัลวอลเล็ต เป็นนโยบายที่รัฐบาล ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาไปเมื่อ 10 เดือนก่อน

ทั้งนี้ เมื่อมาดูเหตุผล และความจำเป็นของการดำเนินโครงการนี้ ก็ต้องบอกว่าขณะนี้ ประเทศไทยเผชิญปัญหาเศรษฐกิจโตต่ำ มาเป็นระยะเวลานาน ซึ่งหากย้อนกลับไปดู ในช่วง 10-15 ปีที่ผ่านมา นอกจากเศรษฐกิจที่ตกต่ำ ก็ยังมีปัญหาในเรื่องของหนี้ครัวเรือน ที่ยังสูงมาก

“วันนี้ หนี้ครัวเรือนของไทยอยู่ที่ระดับ 90% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ (จีดีพี) หรือคิดเป็นหนี้ครัวเรือนถึงประมาณ 16-17 ล้านล้านบาทแล้ว” นายพิชัย กล่าว

นายพิชัย กล่าวด้วยว่า หนี้ครัวเรือนทำให้เศรษฐกิจไทย เติบโตได้ลำบากมากขึ้น เพราะนอกจากประชาชนไม่มีกำลังซื้อ ทางผู้ผลิตและผู้ขายสินค้า ก็ต้องเผชิญกับปัญหาที่ไม่ต่างกันมาก เมื่อยอดขายน้อย ทางผู้ผลิตก็ได้รับผลกระทบตามไปด้วย โดยยอดการผลิต ก็ตกต่ำไปด้วย

“สิ่งที่ต้องคิดจากนี้ก็คือ วันนี้หนี้สินของประชาชนนั้นมากเพราะฟุ่มเฟือย หรือว่ามีหนี้เยอะ เพราะรายได้ไม่เพียงพอต่อรายได้ มีรายได้ต่ำกว่ารายจ่าย ซึ่งคำตอบที่ได้ก็คือ หนี้เพิ่มขึ้นมาก เพราะรายได้ต่ำกว่ารายจ่าย ดังนั้นการจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจในภาวะแบบนี้ได้ คือต้องแก้ปัญหา ทำให้ประชาชนมีรายได้เพิ่มขึ้น ถึงจะเป็นทางออก” นายพิชัย กล่าว

ทั้งนี้ ในส่วนของการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้าง ก็ต้องยอมรับว่า เป็นเรื่องที่มีความจำเป็น แต่เรื่องของการแก้ปัญหาเชิงโครงสร้างต้องใช้ระยะเวลา เพราะเป็นเรื่องที่ประเทศ ไม่มีความสามารถในการแข่งขัน เพียงพอกับชาวโลก

แต่ในวันนี้ เรื่องของการแก้ปัญหาเศรษฐกิจต้องมีนโยบายการแก้ไข ในส่วนที่เป็นปัญหาเฉพาะหน้า รัฐบาลจึงต้องผลักดันนโยบาย ดิจิทัล วอลเล็ต ให้เกิดขึ้น และออกมาในช่วงนี้

“ถือว่าเราคิดถูกแล้ว เพราะเศรษฐกิจไทยในช่วงที่ผ่านมา ไตรมาส 1 ของปี 67 ขยายตัวได้แค่ 1.5% และทั้งปี 67 ก็ผู้เชี่ยวชาญจากหลายสำนัก ต่างก็บอกกันว่า เศรษฐกิจไทยปีนี้ จะโตแค่ 2.4% ซึ่งก็ยังถือว่า เศรษฐกิจยังเติบโตไม่พอและยังมีปัญหาเรื่องโครงสร้าง” นายพิชัย กล่าว

ดังนั้น เมื่อทั้งในส่วนของภาคธุรกิจ และภาคประชาชน ที่เป็นเสาหลัก ทั้งกำลังแรงงาน และการผลิตของประเทศ ในส่วนของภาคธุรกิจมีปัญหานโยบายนี้ จึงต้องออกไปเป็นการกระตุ้นไม่ใช่การอุดหนุน ซึ่งจะลงไปช่วยเหลือประชาชนอย่างทั่วถึง เกิดการกระจายตัวไปสู่ระบบเศรษฐกิจที่เล็ก ในระดับอำเภอถึง 878 อำเภอ ทั่วประเทศไทย

อย่างไรก็จตาม เมื่อทั้ง 2 เสาหลัก คือภาคประชาชน และผู้ประกอบธุรกิจ เกิดปัญหา ทุกรัฐบาลก็ต้องสร้างหนี้ เพื่อเข้ามาช่วยเหลือดูแลในส่วนนี้ ดังนั้นยอดหนี้รัฐบาล ก็จะขยับสูงขึ้นมาตามลำดับ

ขณะนี้ ในส่วนของหนี้สาธารณะต่อจีดีพีของไทย วันนี้อยู่ที่ประมาณ 12 ล้านล้านบาท หรือคิดเป็น 64.29% ของจีดีพีโดยกำลังเดินเข้าใกล้ สู่กรอบเพดานการก่อหนี้สาธารณะ ที่กำหนดให้ไม่เกิน 14 ล้านล้านบาท หรือไม่เกิน 70% ของจีดีพี และสิ่งนี้ก็ทำให้ทราบว่า คลังสามารถก่อหนี้ได้อีกไม่เกิน 2 ล้านล้านบาท พูดคือเราเหลือกระสุนที่จะใช้อีกไม่มากแล้ว

อย่างไรก็ตาม รัฐบาลมีความพร้อม ที่จะเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต ในระหว่างวันที่ 1 ส.ค. – 15 ก.ย. 2567 และมีกำหนดให้เริ่มใช้จ่ายในโครงการฯ ได้ภายในไตรมาสที่ 4 ของปี 67 นี้

กระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รัฐบาล ประกาศพร้อมขับเคลื่อน โครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่าน Digital Wallet