

“สุรพงษ์” ดัน รฟท.สร้าง รถไฟความเร็วสูง “ไทย-จีน” เฟส 2 ช่วงโคราช-หนองคาย จับตา 25 ก.ค.นี้ ชงบอร์ด รฟท. อนุมัติ ก่อนเสนอเข้า ครม. คาด รถไฟความเร็วสูง “ไทย-จีน” เฟส 2 จะเปิดประกวดราคาปีนี้แน่นอน
- เผยในส่วนรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เฟส 1 คืบหน้าไปแล้วกว่า 33.48%
- คาดเปิดให้บริการได้ในปี 71 มั่นใจช่วยเชื่อมต่อการขนส่ง “ไทย ลาว จีน” แบบไร้รอยต่อ
นายสุรพงษ์ ปิยะโชติ รมช.คมนาคม เปิดเผยถึงความคืบหน้าในการดำเนินการโครงการความร่วมมือระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยและรัฐบาลแห่งสาธารณรัฐประชาชนจีน ในการพัฒนาระบบรถไฟความเร็วสูง (ไฮสปีด) เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร-หนองคาย (ระยะที่ 2 หรือเฟส 2) ช่วง นครราชสีมา-หนองคาย)
ว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก การรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) ว่า ในการประชุมคณะกรรมการบอร์ด รฟท. วันที่ 25 ก.ค.นี้
โดยจะมีการเสนอให้ที่ประชุมบอร์ด อนุมัติเห็นชอบโครงการรถไฟไทย-จีน เฟส 2 ช่วง โคราช-หนองคาย ซึ่งขั้นตอนหลังจากบอร์ด รฟท.อนุมัติเห็นชอบในโครงการแล้ว กระทรวงคมนาคมจะเสนอเรื่องไปยัง คณะรัฐมนตรี (ครม.) เพื่ออนุมัติเห็นชอบต่อไป
คาดว่าภายในปีนี้ รฟท. จะเปิดประมูลให้เอกชนเข้ามาก่อสร้างอย่างแน่นอน สำหรับสาเหตุที่กระทรวงคมนาคม มีนโยบายผลักดัน ไทย-จีนเฟส 2 เนื่องจากปัจจุบันการขนส่งทางราง จะช่วยลดต้นทุนการขนส่งด้านโลจิสติกส์ลง
ขณะเดียวกันทางประเทศจีน และสปป.ลาว ก็มีการก่อสร้างรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน มาจากจีน ทะลุมายังลาวแล้วเหลือแค่เชื่อมต่อรถไฟเข้ามายังประเทศไทยที่จังหวัดหนองคายเท่านั้น อย่างไรก็ตามในส่วนของการก่อสร้างรถไฟไทยจีน ช่วงสะพานที่จังหวัดหนองคายนั้น จะเป็นความร่วมมือระหว่างไทย กับ สปป.ลาว
โดยหลักการจะมีการออกแบบร่วมกัน และก่อสร้าง ซึ่งค่าก่อสร้างจะรับผิดชอบกันคนละครึ่ง ซึ่งบนสะพานจะมีทาง 4 ทาง เป็นทางขนาด 1 เมตร จำนวน 2 ทาง ไว้รองรับรถไฟปัจจุบัน และทางรถไฟขนาด 1.435 เมตร จำนวน 2 ทาง ไว้รองรับรถไฟความเร็วสูง
ทั้งนี้ สำหรับโครงการรถไฟความเร็วสูง ไทย-จีน เฟส 2 ช่วงนครราชสีมา-หนองคาย มีมูลค่าการลงทุน 341,351.42 ล้านบาท โดยแบ่งงานเป็น 2 ส่วน คือ 1. งานรถไฟความเร็วสูง วงเงินลงทุน 335,665.21 ล้านบาท
ได้แก่ ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สิน วงเงิน 10,310.10 ล้านบาท, ค่าก่อสร้างงานโยธา วงเงิน 235,129.40 ล้านบาท, ค่าลงทุนระบบราง วงเงิน 30,663.75 ล้านบาท
ค่าระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล วงเงิน 29,007.08 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถไฟ วงเงิน 17,874.35 ล้านบาท, ค่าจัดหาขบวนรถซ่อมบำรุงทาง วงเงิน 2,620.43 ล้านบาท, ค่าที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างงานโยธา วงเงิน 6,466.06 ล้านบาท
รวมถึงค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการและที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างงานระบบรถไฟ วงเงิน 2,792.38 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ วงเงิน 801.66 ล้านบาท
2. งานศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้านาทา วงเงินลงทุน 5,686.21 ล้านบาท ได้แก่ ค่าจัดกรรมสิทธิ์ที่ดินและชดเชยทรัพย์สินวงเงิน 2,108.51 ล้านบาท, ค่าก่อสร้างงานโยธา วงเงิน 2,325.46 ล้านบาท, ค่าลงทุนระบบราง วงเงิน 418.76 ล้านบาท
ค่าระบบรถไฟฟ้าและเครื่องกล วงเงิน 89.44 ล้านบาท, ค่าเครื่องมือ/อุปกรณ์ยกขนในศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าฯ429.24 ล้านบาท, ค่าจัดหารถจักรในศูนย์เปลี่ยนถ่ายสินค้าฯ 210.00 ล้านบาท
ค่าที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างงานโยธา วงเงิน 63.95 ล้านบาท, ค่าที่ปรึกษาบริหารโครงการและที่ปรึกษาควบคุมงานก่อสร้างงานระบบรถไฟ วงเงิน 29.38 ล้านบาท และค่าที่ปรึกษาวิศวกรอิสระ วงเงิน 11.47 ล้านบาท
นอกจากนี้ การก่อสร้างงานโยธาในโครงการไฮสปีดไทย-จีน ระยะที่ 2 ได้มีการปรับแบบเป็น ทางวิ่งยกระดับ ระยะทาง 202.48 กม. ทางวิ่งระดับดิน ระยะทาง 154.64 กม. เพื่อไม่ให้กระทบต่อประชาชนในพื้นที่ ซึ่งมี 5 สถานีใหญ่ประกอบด้วย 1.สถานีบัวใหญ่ 2.สถานีบ้านไผ่ 3.สถานีขอนแก่น 4.สถานีอุดรธานี 5.สถานีหนองคาย
นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า อย่างไรก็ตาม ในส่วนของความคืบหน้า โครงการรถไฟความเร็วสูง เพื่อเชื่อมโยงภูมิภาค ช่วงกรุงเทพมหานคร – หนองคาย (ระยะที่ 1 ช่วงกรุงเทพมหานคร – นครราชสีมา) ระยะทางรวม 250.77 กม.
โดยภาพรวมการดำเนินการก่อสร้างในปัจจุบัน มีความคืบหน้าไปแล้วกว่า 33.48% ซึ่งได้กำชับให้ รฟท. เร่งรัดการก่อสร้าง รวมถึงแก้ไขอุปสรรคต่างๆ เพื่อให้สามารถเปิดให้บริการได้ทันตามแผนงานที่กำหนดไว้ภายในปี 2571
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : สุริยะ ดันต่อ รถไฟความเร็วสูงไทย – จีน