

IATA ชี้การบินโลกสัญญาณสดใสม.ค.67 “รายได้ต่อที่นั่ง” เพิ่ม16.6 % แอร์ไลน์ส 6 ภูมิภาคเพิ่มทั้งปริมาณจราจรทางอากาศและที่นั่งโดยสารรัฐบาลหลังเลือกตั้งหลายประเทศเร่งใช้การบินเร่งเศรษฐกิจโต
- IATA เปิด 3 ปัจจัยบ่งชี้อุตสาหกรรมการบินโลกโตดีรับต้นปี’67
- เร่งหารือปลดล็อก 2 อุปสรรค ภาษีน้ำมันการบินและกฎระเบียบที่ยุ่งยาก
วิลลี วอลช์ ผู้อำนวยการทั่วไป สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ หรือไออาต้า (IATA : International Air Transport Association) เปิดเผยว่า สถานการณ์ผู้โดยสารทั่วโลกเดินทางโดยเครื่องบินมีสัญญาณสดใสตั้งแต่ต้นปีเดือนมกราคม 2567 บ่งชี้ถึงธุรกิจการบินแข็งแกร่งขึ้นมาก ทั้งที่ความท้าทายของเศรษฐกิจและภูมิรัฐศาสตร์ที่ไม่มีความแน่นอน แต่รัฐบาลประเทศต่าง ๆ ที่เพิ่งผ่านการเลือกตั้งพยายามผลักดันอย่างเศรษฐกิจให้เติบโตอย่างคึกคักที่สุดเท่าเคยมีมา โดยใช้การบินเป็นตัวเร่งการเติบโต
แต่ยังคงมีอุปสรรคขัดขวางอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกเติบโตอยู่ 2 เรื่อง ได้แก่ 1.ภาษีเชื้อเพลิงการบินเพิ่มขึ้น 2.กฎระเบียบการขนส่งทางอากาศที่ยุ่งยากซับซ้อน ทางไออาต้าจะได้หารือกับรัฐบาลเกี่ยวกับนโยบายเพื่อหาแนวทางช่วยอุตสาหกรรมการบินลดต้นทุน ปรับปรุงประสิทธิภาพ พุ่งเป้าไปยังการเดินหน้านำอุตสาหกรรมการบินทั่วโลก ตื่นตัวกับเรื่องการเข้าร่วมโครงการลดปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ให้ได้ภายในปี 2593
สมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ ได้สรุปดัชนีบ่งชี้สถานการณ์การบินโลกเติบโตอย่างแข็งแกร่งตลอดเดือนมกราคม 2567 มาจากตัวเลขเด่น ๆ 3 ส่วน คือ
ส่วนที่ 1รายได้ผู้โดยสารต่อกิโลเมตร (RPK) เพิ่มขึ้น 16.6 % ความจุรวมที่นั่งต่อกิโลเมตร (ASK) เพิ่มขึ้น 14.1% มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 79.9% เพิ่มขึ้น 1.7 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
ส่วนที่ 2 การบินระหว่างประเทศ เพิ่มขึ้น 20.8% มีกำลังการผลิตที่นั่งเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 20.9% ด้วยอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 79.7% เติบโตคงที่
ส่วนที่ 3 การบินภายในประเทศ เพิ่มขึ้น 10.4% มีกำลังการผลิตที่นั่งเที่ยวบินเพิ่มขึ้น 4.6% ด้วยอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 80.2 % เพิ่มขึ้น 4.2 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน
สำหรับ “ตลาดผู้โดยสารระหว่างประเทศ” ของสายการบินในแต่ละทวีปเปรียบเทียบระหว่างมกราคม 2567 กับ มกราคม 2566 ใน 6 ภูมิภาคหลัก ประกอบด้วย
ภูมิภาคที่ 1 เอเชียแปซิฟิก มีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น 45.4% ฟื้นตัวอย่างรวดเร็วหลังโควิด มีกำลังการผลิตที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 48.1% อัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 82.6% ลดลง 1.5 % ได้อานิสงจากจีนปลดล็อกโควิด-19 มาตั้งมกราคม 2566 ส่วนเส้นทางต่าง ๆ เช่น เอเชีย-กลาง และตะวันออก ยังเติบโตช้าอย่
ภูมิภาคที่ 2 ยุโรป ปริมาณจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น 10.8% มีที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 10.7% มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 77.3% เพิ่มขึ้น 0.1 % เส้นทางระหว่างยุโรปและอเมริกาเหนือฟื้นตัวมากเป็นพิเศษทำได้สูงกว่าเดือนมกราคม 2563 ถึง 6.5%
ภูมิภาคที่ 3 ตะวันออกกลาง มีปริมาณจราจรเพิ่มขึ้น 16.2% มีที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 15.7% มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 79.9% เพิ่มขึ้น 0.4 %

ภูมิภาคที่ 4 อเมริกาเหนือ มีปริมาณจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น 12.3% มีที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 13.7% มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 79.4 % ลดลง 1 %
ภูมิภาคที่ 5 ลาตินอเมริกา มีปริมาณจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น 17.9% มีที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 13.2%มีอัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 86% เพิ่ม 3.4 % สูงกว่าภูมิภาคอื่นมากที่สุด
ภูมิภาคที่ 6 แอฟริกัน มีปริมาณจราจรทางอากาศเพิ่มขึ้น 18.5% มีที่นั่งโดยสารเพิ่มขึ้น 19.2% อัตราบรรทุกผู้โดยสารเฉลี่ย 73.3% ลดลง 0.4 %
“ตลาดในประเทศ” สายการบินในสาธารณรัฐจีน มีผู้โดยสารเติบโตมากเป็นอันดับ 1 ช่วงปีใหม่เดือนมกราคม ต่อเนื่องเดือนกุมภาพันธ์ 2567 สายการบินจีนเร่งเพิ่มขีดความสามารถเพิ่มที่นั่งผู้โดยสารโดยหันมาลงทุนใช้เครื่องบินเจ็ตลำตัวกว้างบริการในตลาดเพิ่มมากขึ้น เป็นแรงผลักดันตลาดขยายตัวอย่างรวดเร็วต่อเนื่องตลอดทั้งปี -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน