EXIM BANK หนุนเปลี่ยนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสีเขียว

EXIM BANK ชูกลยุทธ์ “Greenovation” สร้าง Green Supply Chain เปลี่ยนประเทศไทย สู่เศรษฐกิจสีเขียว 

  • ชูอัตราดอกเบี้ยต่ำ 3.99% 
  • รับมือเมกะเทรนด์โลกยุคใหม่ 
  • ตอบสนองเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน

ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยในโอกาสครบรอบ 30 ปี EXIM BANK ว่า ปัญหาใหญ่ที่ส่งผลต่อทุกภาคส่วนทุกวันนี้ ได้แก่ การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ โลกเปลี่ยนผ่านจากภาวะโลกร้อน (Global Warming) เข้าสู่ภาวะโลกเดือด (Global Boiling) นำไปสู่การเกิดภัยธรรรมชาติบ่อยครั้งและรุนแรงขึ้น ทั่วโลกรวมทั้งประเทศไทยจึงต้องเร่งเดินหน้าสร้างเศรษฐกิจสีเขียว พัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมไปพร้อมกันอย่างสมดุลและยั่งยืน ตามเป้าหมาย SDGs และเป้าหมายประเทศไทยสู่ Carbon Neutrality และ Net Zero Emissions 

อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันประเทศไทยยังปล่อยคาร์บอนสูงกว่าหลายประเทศในเอเชีย อยู่ในระดับ 3.78 ตันคาร์บอนต่อคนต่อปี สูงกว่าประเทศอื่นในอาเซียน อาทิ อินโดนีเซียและเวียดนาม โดยมูลค่าส่งออกของไทยที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมมีไม่มากนัก อยู่ในสัดส่วนเพียง 7.6% ของการส่งออกทั้งหมด ทำให้ผู้ส่งออกไทยต้องเร่งปรับตัวรับมือกับมาตรการทางการค้าด้านสิ่งแวดล้อมทั่วโลกที่มีมากถึง 18,000 ฉบับ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งของการแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมโลกและปรับตัวทางธุรกิจให้อยู่รอดและเติบโตต่อไปได้ เนื่องจากธุรกิจที่คำนึงถึง ESG มีการเติบโตของรายได้และกำไรมากกว่าธุรกิจทั่วไปกว่า 2 เท่าตัว EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐภายใต้การกำกับดูแลของกระทรวงการคลังจึงสานพลังกับภาครัฐและภาคเอกชนขับเคลื่อนประเทศไทยสู่สังคมคาร์บอนต่ำ เพื่ออนาคตของประเทศไทยและโลกที่ยั่งยืน ภายใต้บทบาท Green Development Bank ด้วยกลยุทธ์ “Greenovation” ที่จะสร้าง Green Supply Chain ขับเคลื่อนการค้าและการลงทุน เปลี่ยนแปลงประเทศไทยไปสู่เศรษฐกิจสีเขียว (Greenomics)

EXIM BANK พร้อมใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญในการทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนาตลอด 3 ทศวรรษที่ผ่านมาพัฒนา “Greenovation” นวัตกรรมการเงินสีเขียว ดูแลการปล่อยคาร์บอนขององค์กรและผู้ประกอบการไทยใน Scope 1-2-3 (การปล่อยก๊าซเรือนกระจกทางตรง ทางอ้อมที่เกิดจากการใช้พลังงาน และทางอ้อมอื่น ๆ จากการดำเนินงานขององค์กร) โดยต่อยอดการพัฒนาอุตสาหกรรมที่มีศักยภาพของไทย ประกอบด้วย อุตสาหกรรมเป้าหมายสู่อนาคต (Future Industries) อาทิ พลังงานหมุนเวียน EV เคมีชีวภาพ อุตสาหกรรมเกษตรและประมงแปรรูป และธุรกิจบริการและ Soft Power อาทิ การท่องเที่ยวเชิงนิเวศ และนวัตกรรมอาหารแห่งอนาคต ควบคู่กับการสร้างผู้ส่งออกไทย โดยออกผลิตภัณฑ์ใหม่ด้าน Climate Finance ได้แก่ EXIM Green Goal ส่งเสริมให้ SMEs ตั้งเป้าหมาย Green ให้ชัดเจนและพร้อมเข้าร่วม Green Supply Chain โดยเติมความรู้สีเขียว เติมโอกาสสีเขียว และเติมเงินทุนสีเขียว ด้วยผลิตภัณฑ์ประเภท Green ต่างๆ ของ EXIM BANK พร้อมสิทธิประโยชน์และโปรโมชันพิเศษ อัตราดอกเบี้ยเริ่มต้น 3.99% ต่อปี เพื่อส่งเสริมให้เกิดระบบนิเวศทางเศรษฐกิจที่ธุรกิจทุกระดับเติบโตได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนในตลาดการค้าโลก ตอบโจทย์เมกะเทรนด์ผู้บริโภคและกติกาการค้าโลกยุคใหม่ โดย EXIM BANK ตั้งเป้าหมายสู่ Carbon Neutrality ในปี 2573 และ Net Zero Emissions ในปี 2593 เร็วกว่าเป้าหมายประเทศไทย 20 ปีและ 15 ปีตามลำดับ โดยปรับปรุงประสิทธิภาพการบริหารจัดการด้านการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกภายในองค์กร ควบคู่กับการเพิ่มสัดส่วนสินเชื่อเพื่อความยั่งยืนให้เป็น 50% ของพอร์ตสินเชื่อทั้งหมดภายในปี 2571

“ตลอด 3 ทศวรรษ EXIM BANK ได้ทำหน้าที่ธนาคารเพื่อการพัฒนา นำผู้ประกอบการไทยปรับตัวและติดปีกไปสู่ตลาดโลก ในวันนี้เมื่อโลกเปลี่ยนแปลงอย่างพลิกโฉม EXIM BANK พร้อมด้วยลูกค้าและหน่วยงานพันธมิตรจะเดินเคียงข้างกันนำพาประเทศไปสู่อนาคตที่ดีขึ้นและยั่งยืน โดยใช้จุดแข็งและความเชี่ยวชาญขององค์กรพัฒนานวัตกรรมการเงินสีเขียว (Greenovation) สร้างผู้ประกอบการไทยเข้าสู่ Global Green Supply Chain ขับเคลื่อนการพัฒนาประเทศด้วยเศรษฐกิจสีเขียว สร้างโลกที่เศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อมเติบโตอย่างสมดุลไปด้วยกัน” ดร.รักษ์ กล่าว