“เผ่าภูมิ” แย้มรัฐจ่อ ออกมาตรการ ด้านสินเชื่อเพิ่มช่วงปลายปีนี้

“เผ่าภูมิ” รมช.คลัง เผยรัฐบาลมีแผนผุดจ่อ ออกมาตรการ ใหม่ด้านภาษี ในช่วงปลายปีนี้ ลั่น ออกมาตรการ แจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ทันแน่ปลายปี 67 เผยเศรษฐกิจไทยยังมีปัญหา รัฐต้องเร่งกระจายเม็ดเงิน ให้ถึงมือประชาชน

  • เผยการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ขณะนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ การลงทุนของรัฐวิสาหกิจ มีตัวเลขเกินเป้า
  • ชี้รัฐบาลจะถูกหาว่า สร้างหนี้สาธารณะเยอะ โดยนิยายหนี้สาธารณะไทย ที่บอกมี 64% ต่อจีดีพี เป็นการนับเกินคำนิยายสากล
  • ลั่นหากปรับให้ตรงกับไอเอ็มเอฟ หนี้สาธารณะปัจจุบันไทย จะเหลือ 57% ต่อจีดีพีเท่านั้น ถือว่าหนี้ต่ำมาก

วันนี้ (3 ก.ค.67) ที่โรงแรมเรเนซองส์ กรุงเทพฯ ราชประสงค์ นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รมช.คลัง เปิดเผยภายหลัง งานเปิดตัวรายงานตามติดเศรษฐกิจไทย (Thailand Economic Monitor) ในหัวข้อ “ปลดล็อกศักยภาพการเติบโตของเมืองรอง (Unlocking The Growth Potential of Secondary Cities)” จัดโดยธนาคารโลก (World Bank) ว่า จากภาวะเศรษฐกิจไทยที่ยังคงมีปัญหา สิ่งที่รัฐบาลต้องทำเวลานี้คือ การกระจายเม็ดเงิน ให้ลงสู่ประชาชนให้โดยเร็วที่สุด 

โดยจะเห็นว่า ขณะนี้ได้มีการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณ ซึ่งขณะนี้ ถือว่าเป็นที่น่าพึงพอใจ หลายหน่วยงานทำได้ตามเป้าหมาย โดยเฉพาะการเร่งรัดการลงทุนของรัฐวิสาหกิจ ที่มีตัวเลขเกินเป้าหมาย 

นายเผ่าภูมิ กล่าวต่อว่า ในส่วนการคาดการณ์ตัวเลขเศรษฐกิจปี 2567 ยังออกมาไม่ดีนั้น รัฐบาลก็มีความกังวลเพราะฉะนั้น กระทรวงต่างๆ รวมถึงกระทรวงการคลัง ก็พยายามออกมาตรการด้านภาษีออกมา เพื่อกระตุ้นการท่องเที่ยว และเศรษฐกิจในเมืองรอง ในช่วงนอกฤดูกาลท่องเที่ยว (โลว์ซีซั่น) 

ด้านธนาคารออมสิน ก็มีมาตรการสินเชื่อซอฟท์โลน 100,000 ล้านบาทออกมา ถือเป็นวงเงินก่อนใหญ่ เพื่อให้สถาบันการเงินไปปล่อยสินเชื่อต่อ ซึ่งขณะนี้เรื่องอยู่ระหว่างรอเข้าที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) ช่วงสัปดาห์หน้าพร้อมกับ โครงการค้ำประกันสินเชื่อ PGS 11 ของบรรษัทประกันสินเชื่ออุตสาหกรรมขนาดย่อม (บสย.) ที่จะเข้ามาช่วยให้ประชาชน เข้าถึงแหล่งเงินได้มากขึ้น 

“มาตรการต่างๆ เหล่านี้ เป็นสิ่งที่รัฐบาล เร่งพยายามทำ เพื่อให้มีการกระตุ้นเศรษฐกิจ ระหว่างรอโครงการดิจิทัลวอลเล็ต ที่จะออกมาช่วงปลายปี 2567 ส่วนการขยายตัวเศรษฐกิจ หรือจีดีพีนั้น รัฐบาลจะพยายามเร่งให้ได้ถึง 3% ต่อปี” นายเผ่าภูมิ กล่าว 

นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า ในส่วนโครงการดิจิทัล วอลเล็ตนั้น จะออกมาปลายปี 2567 คาดว่าจะมีผลเล็กน้อย ต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจปี 2567 โดยโครงการจะมีผล กระตุ้นเศรษฐกิจชัดเจน ในช่วงไตรมาสที่ 2 ของปี 2568 อีกทั้งมองว่า โครงการดิจิทัล วอลเล็ต อาจจะยังไม่เพียงพอสำหรับปีนี้ 

ดังนั้นปลายปี 2567 ถึงช่วงต้นปี 2568 รัฐบาลจะออกมาตรการเพิ่มเติมมาอีก เพื่อให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนมากขึ้นมีการลงทุนเพิ่มขึ้น โดยจะเป็นมาตรการเกี่ยวกับสินเชื่อ ซึ่งเป็นมาตรการที่รัฐบาลใช้ต้นทุนน้อย แต่ที่ผ่านมาไม่ได้ให้ความสำคัญ และยังไม่ตรงจุด เพราะไปไม่ถึงกลุ่มรายย่อย ธุรกิจขนาดกลางและขนาดย่อม โดยจากนี้รัฐบาลจะทำให้ตรงกลุ่มมากขึ้น รวมถึงกำลังยกระดับ บสย. ให้ออกมาตรการค้ำประกันสินเชื่อรูปแบบใหม่ ที่ดีกว่าเดิม โดยตอนนี้อยู่ระหว่างรอประกาศต่อไป

สำหรับ กรณี ครม.เห็นชอบแผนปรับปรุง การบริหารหนี้สาธารณะ ครั้งที่ 2 ปีงบประมาณปี 2567 ให้รัฐบาลก่อหนี้ใหม่อีก 275,000 ล้านบาท เป็นหน้าที่ของสำนักงานบริหารหนี้สาธารณะ (สบน.) ซึ่งขณะนี้ ยังไม่มีปัญหา และสบน. ก็ไม่มีความกังวลอะไรเกี่ยวกับหนี้ ที่เพิ่มมากขึ้น

“เมื่อพูดถึงเรื่องหนี้ที่เพิ่มขึ้น ต้องคุยให้ชัด โดยที่ผ่านมาชอบพูดกันว่า งบประมาณรัฐบาลขาดดุลเยอะ สร้างหนี้สาธารณะเยอะ ก็ขอเปิดเผยตรงนี้เลยว่า นิยายของหนี้สาธารณะไทย ที่บอกว่ามี 64% ต่อจีดีพี ซึ่งเป็นการนับเกินคำนิยายสากล ตามที่ใช้กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ใช้ ถ้าปรับคำนิยามให้ตรงกับไอเอ็มเอฟ หนี้สาธารณะปัจจุบันของไทย จะเหลือเพียง 57% ต่อจีดีพีเท่านั้น ซึ่งถือว่าไทยมีหนี้ต่ำมาก” นายเผ่าภูมิ กล่าว

นายเผ่าภูมิ กล่าวด้วยว่า อันที่จริงหน่วยงาน และสื่อต่างชาติเขาเข้าใจ เขาไม่ได้ดูหนี้สาธารณะไทยที่ตัวเลข 64% แต่ดูที่ 57% เพราะว่าเขาดูเชิงลึก หนี้สาธารณะที่ตรงตามคำนิยามสากลคือส่วนไหน และส่วนที่เกินมาคือ หนี้ของรัฐวิสาหกิจ ที่รัฐบาลไม่ได้ค้ำประกัน ที่ต่างประเทศเขาไม่ได้นับ เพราะไม่ใช่ภาระของรัฐบาล

กระทรวงการคลัง

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : คลัง ยัน รัฐฯมีงบพร้อมทำ ดิจิทัลวอลเล็ต