ดาวโจนส์ปิดร่วงแรง 422 จุด ตื่นตระหนกเงินเฟ้อสูงเกินคาด

ดาวโจนส์ปิดร่วงแรง 422 จุด ตื่นตระหนกเงินเฟ้อสูงเกินคาด ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ปรับตัวขึ้น 3.5% สูงกว่านักวิเคราะห์คาด

  • นักลงทุนขายหุ้น วิตกธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ไม่เริ่มลดอัตราดอกเบี้ยในเดือน มิ.ย.
    ตลาดผิดหวังเงินเฟ้อสูง ดันดอกเบี้ยสูงนานกระทบเศรษฐกิจโดยรวม

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 10.เม.น.ที่ 38,461.51 จุด ลดลง 422.16 จุด หรือ -1.09%, ดัชนี S&P500 ปิดที่ 5,160.64 จุด ลดลง 49.27 จุด หรือ -0.95% ส่วนดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 16,170.36 จุด ลดลง 136.28 จุด หรือ -0.84%

นักลงทุนเทขายหุ้นออกมาเพื่อลดความเสี่ยงหลังกระทรวงแรงงานสหรัฐเปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.5% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.4% และสูงกว่าเดือนก.พ.ที่ปรับตัวขึ้น 3.2%

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐาน (Core CPI) ซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 3.8% ในเดือนมี.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 3.7% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.8% ในเดือน ก.พ.

ดัชนี CBOE Volatility Index (VIX) ซึ่งเป็นมาตรวัดความวิตกของนักลงทุนในตลาดหุ้นสหรัฐ พุ่งขึ้น 5.47% แตะระดับ 15.80 จุด หลังจากทะยานขึ้นแตะระดับสูงสุดในระหว่างวันที่ 16.43 จุด

ทั้งนี้ นักวิเคราะห์มองว่า ตัวเลข CPI ที่ยังสูงอยู่ และสูงกว่าเป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% จะทำให้เฟดตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้

การวิเคราะหฺดังกล่าวสอดคล้องกัยรายงานการประชุมนโยบายการเงินของเฟดประจำวันที่ 19-20 มี.ค.ซึ่งระบุว่ากรรมการเฟดมีความกังวลว่าเงินเฟ้ออาจจะไม่ชะลอตัวลงสู่เป้าหมายของเฟดที่ระดับ 2% ในระยะเวลาอันใกล้ และแสดงความเห็นว่าเฟดอาจจำเป็นต้องตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานกว่าที่คาดการณ์ไว้

หุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์และกลุ่มธุรกิจสร้างบ้านซึ่งมีความอ่อนไหวต่ออัตราดอกเบี้ย ร่วงลงแรง ดัชนีหุ้นกลุ่มอสังหาริมทรัพย์ร่วงลง 4.1% ซึ่งเป็นการดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่เดือนมิ.ย. 2565 ส่วนดัชนีหุ้นกลุ่มพลังงานดีดตัวขึ้นตามทิศทางราคาน้ำมัน

นอกจากนี้ ยังส่งผลให้อัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐพุ่งขึ้นทะลุระดับ 4.5% และฉุดดัชนี Russell 2000 ซึ่งเป็นหุ้นกลุ่มบริษัทที่มีทุนจดทะเบียนต่ำ ดิ่งลงในวันเดียวที่รุนแรงที่สุดนับตั้งแต่วันที่ 13 ก.พ.ปีนี้

นักลงทุนได้เลื่อนการคาดการณ์ที่ว่าเฟดจะเริ่มปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกออกไปเป็นเดือนก.ย. โดยล่าสุดFedWatch Tool ของ CME Group บ่งชี้ว่า นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 16.5% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในการประชุมเดือนมิ.ย. ซึ่งลดลงอย่างมากจากระดับ 56% ก่อนที่สหรัฐจะเปิดเผยดัชนี CPI และให้น้ำหนัก 46.1% ที่เฟดจะปรับลดอัตราดอกเบี้ย 0.25% ในเดือน ก.ย. หลังจากที่ให้น้ำหนักเพียง 33.7% ก่อนหน้านี้

หุ้นกลุ่มธนาคารและกลุ่มอุตสาหกรรมร่วงลง ท่ามกลางความกังวลว่าเฟดจะตรึงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับสูงเป็นเวลานานและจะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจ โดยหุ้นโกลด์แมน แซคส์ ร่วงลง 2.4% หุ้นซิตี้กรุ๊ปดิ่งลงกว่า 2% หุ้นเจพีมอร์แกนปรับตัวลง 0.8% ส่วนหุ้นในกลุ่มอุตสาหกรรมนั้น หุ้นฮันนีเวลล์ ร่วงลง 1.2% หุ้นโบอิ้ง ร่วงลง 1.9%

นักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ประจำเดือน มี.ค. ของสหรัฐในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณที่ชัดเจนเกี่ยวกับทิศทางเงินเฟ้อของสหรัฐ พร้อมกับจับตารายงานผลประกอบการประจำไตรมาส 1/2567 ของธนาคารรายใหญ่ในวันศุกร์นี้ ซึ่งได้แก่ เจพีมอร์แกน, เวลส์ ฟาร์โก และซิตี้กรุ๊ป