บีโอไอ เดินหน้าส่งเสริมลงทุน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เต็มพิกัด



บีโอไอ เดินหน้าส่งเสริมลงทุน อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เต็มพิกัด ก้าวสู่การเป็น “ฐานการผลิตแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำในตลาดโลก”

  • นักลงทุนเชื่อมั่นการลงทุนในไทย
  • กลุ่มผู้ผลิิต PCB และ PCBA ขยายลงทุนในไทยต่อเนื่อง
  • คาดปี68 จะมีมูลค่าสูง 2.7 แสนล้านบาท

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เปิดเผยว่า อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ มีบทบาทสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจไทยมายาวนานกว่า 40 ปี และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมเป้าหมายที่บีโอไอให้ความสำคัญมาก โดยเฉพาะกลุ่มผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ทั้ง PCB และ PCBA ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ และเป็นอุตสาหกรรมพื้นฐานในการต่อยอดไปสู่อุตสาหกรรมเป้าหมายอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นยานยนต์ไฟฟ้า โทรคมนาคม อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องใช้ไฟฟ้าอัจฉริยะ คอมพิวเตอร์ ระบบดิจิทัล ระบบอัตโนมัติและหุ่นยนต์ อีกทั้งยังจะช่วยสนับสนุนการยกระดับประเทศไทยไปสู่อุตสาหกรรม 5.0 และระบบเศรษฐกิจใหม่ที่ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยีและนวัตกรรม”

นายนฤตม์ เทอดสถีรศักดิ์ เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ

สำหรับการขอรับการส่งเสริมการลงทุนในกิจการผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB และ PCBA) ในช่วงปี 2561 – พ.ย.2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 106 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 150,557 ล้านบาท สะท้อนถึงความเชื่อมั่นของนักลงทุนรายใหญ่ที่เลือกประเทศไทยเป็นฐานการผลิตสำคัญ เห็นได้จากการขยายการลงทุนในไทยอย่างต่อเนื่องของกลุ่มผู้ผลิิต PCB และ PCBA รายใหญ่ อาทิ บริษัท เดลต้า อีเลคโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) บริษัท เอเพ็กซ์ เซอร์คิต (ไทยแลนด์) จำกัด บริษัท เคซีอี อิเลคโทรนิคส์ จำกัด (มหาชน)บริษัท แคล-คอมพ์ อีเล็คโทรนิคส์ (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ นอกจากนี้ ยังมีนักลงทุนกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ชั้นนำรายใหม่จำนวนมากที่ได้ตัดสินใจ เข้ามาลงทุนในไทย อาทิ บริษัท Zhen Ding Technology (ZDT)  บริษัท ยูนิไมครอน (ประเทศไทย) จำกัด บริษัท คอมเปค (ประเทศไทย) จำกัด ฯลฯ

นายพิธาน องค์โฆษิต นายกสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย

นายพิธาน องค์โฆษิต นายกสมาคมแผ่นวงจรพิมพ์ไทย กล่าวว่า อุตสาหกรรมแผ่นวงจรอิเล็กทรอนิกส์ในประเทศไทย เป็นอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ที่มีมูลค่า 4.7 หมื่นล้านบาท  คาดว่าภายในปี 2568 จะมีมูลค่าสูง 2.7 แสนล้านบาท หรือเติบโตเกือบ 6 เท่าตัว เนื่องจากจะมีการลงทุนในประเทศไทยเพิ่มขึ้นอีกกว่า 30 โครงการ ดังนั้น การจัดงานแสดงสินค้าและบริการวงจรอิเล็กทรอนิกส์แห่งเอเชีย( เทกก้า )ครั้งนี้ จะเป็นการกระตุ้นให้เกิดการลงทุน การสร้างโอกาสทางธุรกิจ ส่งเสริมการพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของภาคอุตสาหกรรมและผู้บริโภค รวมทั้งสร้างเครือข่ายภาคอุตสาหกรรมในระดับสากล นำไปสู่การสร้างงาน สร้างเงิน และสร้างการเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจให้แก่ประเทศชาติได้เป็นอย่างดีต่อไป”