เชียร์ตลาดหุ้นไทยมูฟออน

สวัสดีปีใหม่ แฟนๆ คอลัมน์ “รู้เก็บรู้ออมฯ”  คุณนายพารวย ขอถือโอกาสนี้ อวยพรให้ทุกท่านมีแต่สิ่งดีๆ เข้ามาในชีวิต คิดหวังสิ่งใดขอให้สมหวังทุกประการ รวมทั้งเรื่องการลงทุน ถือหุ้นตัวไหนไว้ ก็ขอให้เขียวยกพอร์ต

ต้องยอมรับว่า ปี 2566 ที่ผ่านมา การลงทุนในตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยสดใส ทั้งจากปัจจัยภายในที่กดดันให้ตลาดหุ้นไทยปรับตัวลง ไม่ว่าจะเป็นตัวเลขผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนที่ไม่ดีนัก แล้วยังมาโดนซ้ำเติมจากเกมการจับขั้วจัดตั้งรัฐบาล และโหวดเลือกนายกฯ คนใหม่  จนทำให้ตลาดหุ้นบ้านเราปรับตัวลงอีกรอบ  และแม้ว่าเราจะได้รัฐบาลใหม่แล้ว แต่บางนโยบายที่ยังไม่ชัดเจน เช่น การแจกเงินดิจิทัล ก็สร้างแรงกดทับให้ตลาดหุ้นไทยสาละวันเตี้ยลงไปอีก

นอกจากนี้ ปัจจัยภายนอก ไม่ว่าจะเป็นการปรับขึ้นและจะคงอัตราดอกเบี้ยสูงของธนาคารกลางสหรัฐฯ , สงครามรัสเซีย-ยูเครน, สงครามอิสราเอลกับกลุ่มฮามาส ทั้งหมดนี้ล้วนส่งผลให้สถานการณ์ตลาดหุ้นไทยสะบักสะบอม  จนตัวเลขผลตอบแทนจากการลงทุนติดลบ  ถือเป็นปีที่ตลาดหุ้นไทยเจอคลื่นปัญหาอุปสรรคโหมกระแทกเข้าใส่หลายระลอก

อย่างไรก็ตาม “คุณนายพารวย” ได้อ่านบทความเรื่อง “ถูกแล้วถูกอีก…ถึงเวลาซื้อหุ้นไทยแล้วหรือยัง” โดยคุณอธิป กีรติพิชญ์ ทำให้รู้สึกกลับมามีความหวัง และกำลังใจอีกครั้ง ด้วยการชี้ให้เห็นถึงปัจจัย 3 ตัวที่จะทำให้ตลาดหุ้นไทยฟื้นตัว และคึกคักอีกครั้งในปี 2567 นี้

ปัจจัยตัวแรก คือ “อัตราดอกเบี้ยนโยบาย”มองว่า การขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย น่าจะสิ้นสุดแล้ว เราไม่น่าเห็นขาขึ้นของอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นหลายครั้งแบบปีที่ผ่านมาอีก แต่ดอกเบี้ยนโยบายจะมีทิศทางเป็นขาลง เริ่มตั้งแต่ช่วงกลางปีเป็นต้นไป ซึ่งจะเป็นผลบวกต่อตลาดหุ้น

ปัจจัยตัวต่อมา คือ “การเติบโตของกำไรบริษัทจดทะเบียน”  คาดว่าปี 2567 นี้ กำไรสุทธิจะปรับตัวสูงขึ้นเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว โดยมีสาเหตุจากเศรษฐกิจไทยฟื้นตัว, การฟื้นตัวของการบริโภคจากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของรัฐบาลที่จะทยอยออกมา โดยเฉพาะนโยบายเงินดิจิทัล 10,000 บาท ช่วยสร้างกำลังซื้อในประเทศ รวมทั้งการท่องเที่ยวที่จะฟื้นตัวแรง และประเด็นความขัดแย้งที่เป็นความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์จนทำให้เกิดการย้ายฐานการผลิตเข้าสู่ไทย  ทำให้คาดว่า GDP จะขยายตัว 6%   โดยปี 2567 นี้ ไทยจะเป็นไม่กี่ประเทศที่ GDP มีการเติบโต เพราะคาดว่าจะเกิดเศรษฐกิจชะลอตัวทั้งในสหรัฐฯ และจีน จึงมีโอกาสที่ตลาดหุ้นไทย จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง

และปัจจัยสุดท้าย คือ “มูลค่าหุ้น” ตลอดปี 2566 ตลาดหุ้นไทยได้ปรับตัวลดลงในระดับที่ถือว่ามากแล้ว หุ้นใหญ่ และหุ้นพื้นฐานหลายตัว  มีมูลค่าหุ้นที่ต่ำลงอยู่ในระดับที่น่าสนใจต่อการลงทุน จากค่า P/E และ P/BV ที่ต่ำกว่าค่าเฉลี่ยในอดีต  จะส่งผลให้ความน่าสนใจลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้น

ปัจจัยทั้งสามตัวนี้ เป็นสิ่งที่นักลงทุนคงต้องจับตามอง เพื่อเล็งโอกาสลงทุน พร้อมกับส่งใจเชียร์ให้ตลาดหุ้นไทยได้ฟื้นตัว และใส่เกียร์มูฟออน กลับมาคึกคักไปตลอดปี 2567 นี้!