เศรษฐกิจไทย ปี 67 ลุ้นส่งออกขยายตัวครั้งแรก ในรอบ 2 ปี

เศรษฐกิจไทย EXIM BANK
นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เผยถึง เศรษฐกิจไทย


EXIM BANK ชี้ เศรษฐกิจไทย ปี 67 มีสัญญาณฟื้นตัวในรอบ 6 ปี ทั้งการบริโภค และการลงทุนภาครัฐ และภาคเอกชน การท่องเที่ยว รวมถึงภาคการส่งออก ที่มีโอกาสขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี ซึ่งจะส่งผลทำให้ เศรษฐกิจไทย พลิกกลับมาขยายตัวอีกครั้ง ทำ เศรษฐกิจไทย ให้เกิดความแข็งแกร่ง

  • ชี้เป็นโอกาสดี ของสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ในบ้าน อุปกรณ์ Gadgets และสินค้ารักษ์โลก ที่มีมูลค่าเพิ่ม
  • พร้อมเสนอผลิตภัณฑ์ นวัตกรรมทางการเงิน Greenovation เป็นสินเชื่ออัตราดอกเบี้ยพิเศษ 
  • สนับสนุนผู้ผลิต และผู้ซื้อ ตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ ตลอดซัพพลายเชน การส่งออก ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

นายรักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในปี 67 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอยู่ที่ระดับ 2-3% เนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญกลับมาขยายตัวพร้อมกันในรอบ 6 ปี ได้แก่ การบริโภคและการลงทุนทั้งภาครัฐ และภาคเอกชน การท่องเที่ยว

ตลอดจนเครื่องยนต์สำคัญอย่างการส่งออก ทีหดตัวในปีที่ผ่านมา มีแนวโน้มขยายตัวครั้งแรกในรอบ 2 ปี ท่ามกลางความไม่แน่นอนด้านความขัดแย้งภูมิรัฐศาสตร์ การฟื้นตัวช้าของภาคการผลิต และหนี้ครัวเรือนในระดับสูง

ทั้งนี้ เป็นผลจากเศรษฐกิจโลก และการค้าโลกในปี 67 มีแนวโน้มขยายตัว 3.2% และ 2.8% ตามลำดับ ราคาน้ำมันโลก และราคาโภคภัณฑ์ต่าง ๆ มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ทำให้ราคาสินค้าส่งออกปรับตัวสูงขึ้นตาม

ผู้ประกอบการไทยต้องปรับตัว แสวงหาโอกาสใหม่ ๆ

นายรักษ์ กล่าวต่อว่า ผู้ประกอบการไทย ต้องปรับตัว และแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ ในตลาดโลก โดยยกระดับคุณภาพและมูลค่าสินค้า เพื่อเจาะตลาดที่มีความต้องการสินค้าไทย โดยเฉพาะสินค้าอาหาร เครื่องดื่ม เครื่องใช้ในบ้านอุปกรณ์ Gadgets และสินค้ารักษ์โลก 

เศรษฐกิจไทย
เศรษฐกิจไทย ในปี 67 มีแนวโน้มกลับมาขยายตัวอยู่ที่ระดับ 2-3% เนื่องจากเครื่องยนต์สำคัญกลับมาขยายตัวพร้อมกันในรอบ 6 ปี

ขณะเดียวกัน ต้องติดตามข่าวสาร และปฏิบัติตามมาตรการทางการค้า ด้านสิ่งแวดล้อม ในการส่งออกไปตลาดสำคัญของโลก เช่น สหรัฐฯ สหภาพยุโรป (EU) จีน ญี่ปุ่น และอินเดีย ซึ่งคิดเป็น 51% ของมูลค่าส่งออกรวมของไทยในปี66 

ทั้งนี้ ข้อมูลจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) ระบุว่า ในปี 64 สัดส่วนการส่งออกสินค้าที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมของไทยอยู่ที่ 7.6% ของมูลค่าส่งออกรวม ต่ำกว่าหลายประเทศ อาทิ เยอรมนี (15.4%) ญี่ปุ่น (15%) จีน (10.4%) และเกาหลีใต้ (10.2%)

ยกระดับสินค้าไทยสู่ Green Products

ล่าสุด ทาง EXIM BANK ได้พัฒนา Greenovation ที่มุ่งยกระดับสินค้าส่งออกของไทย เป็นสินค้ารักษ์โลก หรือ Green Products ควบคู่กับการสร้าง Green Export Supply Chain

ตั้งแต่การจัดหาวัตถุดิบที่ไม่ทำร้ายสิ่งแวดล้อม กระบวนการผลิตที่ลดมลภาวะ บรรจุภัณฑ์ที่ย่อยสลายได้ และการขนส่งที่ใช้พลังงานสะอาด เป็นต้น

ทั้งนี้ EXIM BANK นับเป็นธนาคารแรก ๆ ที่มี Solution ทางการเงินช่วยลดก๊าซเรือนกระจกได้ครบทุก Scope ทั้ง1-2-3 กล่าวคือ สนับสนุนการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตให้สะอาดขึ้น การใช้พลังงานหมุนเวียน และการช่วยให้ Suppliers ดำเนินธุรกิจอย่างเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 

EXIM BANK Go Green
EXIM BANK ได้พัฒนา Greenovation ที่มุ่งยกระดับสินค้าส่งออกของไทย เป็นสินค้ารักษ์โลก หรือ Green Products ควบคู่กับการสร้าง Green Export Supply Chain

พร้อมสนับสนุนสินเชื่อให้แก่ Green Export Supply Chain อัตราดอกเบี้ยพิเศษ เริ่มต้นที่ 3.85% ต่อปี ให้แก่ Suppliers และผู้ซื้อปลายทางของผู้ประกอบการ ตลอด Supply Chain ที่เกี่ยวเนื่อง ช่วยให้ผู้ประกอบการรายเล็ก รายกลาง รายใหญ่ เข้าถึงแหล่งเงินทุน ที่ต้นทุนต่ำได้ โดยอ้างอิงอัตราดอกเบี้ยที่ผู้ประกอบการรายใหญ่ได้รับ

นายรักษ์ กล่าวด้วยว่า สำหรับผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ช่วง ม.ค.- มี.ค.67 ได้สนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และขยายการค้า และการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ ควบคู่กับการยกระดับธุรกิจไทย ให้คำนึงถึงสิ่งแวดล้อม สังคม และการกำกับดูแลกิจการที่ดี (ESG) สู่การเติบโตอย่างยั่งยืน

-สนับสนุนธุรกิจไทยสู่เวทีโลก : มีวงเงินอนุมัติสินเชื่อใหม่ 5,853 ล้านบาท มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพัน 174,196 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 11,474 ล้านบาท หรือ 7.05% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน  

-ส่งต่อความยั่งยืนเพื่อสังคม : มีสินเชื่อคงค้างและภาระผูกพันที่เป็น ESG 67,310 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 38.64% ของยอดทั้งหมด และเพิ่มขึ้นถึง 55.19% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ในจำนวนนี้เป็น SMEs จำนวน 12,475 ล้านบาท

-สร้างโอกาสการลงทุน : มีสินเชื่อคงค้าง และภาระผูกพันเพื่อการลงทุน 127,516 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.14% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน มีสินเชื่อคงค้าง และภาระผูกพันในโครงการระหว่างประเทศทั้งสิ้น 50,210 ล้านบาท

เมื่อจำแนกเป็นรายตลาดที่สำคัญ สนับสนุนธุรกิจไทย ไปกลุ่มประเทศ CLMV และ New Frontiers มีสินเชื่อคงค้าง ในกลุ่ม CLMV จำนวน 43,257 ล้านบาท

-เสริมเกราะป้องกันความเสี่ยง : EXIM BANK มีปริมาณธุรกิจบริการประกัน การส่งออกและการลงทุน เท่ากับ 54,092 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7.45% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน 

เศรษฐกิจไทย EXIM BANK
ผลการดำเนินงานของ EXIM BANK ในเดือน ม.ค.- มี.ค.67 EXIM BANK สนับสนุนผู้ประกอบการไทย ให้สามารถแข่งขันได้ในตลาดโลก และขยายการค้า และการลงทุนทั้งใน และต่างประเทศ

ทั้งนี้ ณ สิ้นเดือน มี.ค.67 EXIM BANK มีจำนวนลูกค้า 5,607 ราย ในจำนวนนี้เป็นลูกค้า SMEs มากถึง 81.15%

นอกจากนี้ ธนาคารฯ ยังสนับสนุนผู้ประกอบการอย่างครบวงจร ผ่านการบ่มเพาะ ให้ความรู้ จับคู่ทางธุรกิจ และให้คำปรึกษาทางการเงิน ณ สิ้นเดือน มี.ค.67 ธนาคารฯ ยังได้ส่งเสริมศักยภาพผู้ประกอบการสะสมประมาณ 19,840 ราย

ขณะเดียวกัน EXIM BANK ให้ความสำคัญกับการบริหารจัดการทางการเงินเพื่อความยั่งยืน โดยมีสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPLs) จำนวน 8,600 ล้านบาท คิดเป็นอัตราส่วนสินเชื่อ ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ ต่อสินเชื่อรวม (NPL Ratio) ณ สิ้นเดือน มี.ค.67 เท่ากับ 4.99%

อีกทั้ง มีค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิต ที่คาดว่าจะเกิดขึ้น จำนวน 15,972 ล้านบาท ซึ่งอยู่ในระดับที่แข็งแกร่ง คิดเป็นอัตราส่วน ค่าเผื่อผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น ต่อสินเชื่อที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (Coverage Ratio) 185.72% 

ส่งผลให้ ณ สิ้นไตรมาสที่ 1 ของปี 2567 EXIM BANK มีกำไรจากการดำเนินงาน 805 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18.71% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิ 132 ล้านบาท

“ปี 2567 EXIM BANK เดินหน้า Go the Extra Mile ชู Green Development Bank สร้าง Greenovation ช่วยผู้ประกอบการไทย ใน Green Export Supply Chain ให้ได้รับอัตราดอกเบี้ยพิเศษ

โดยอ้างอิงกับผู้ประกอบการรายใหญ่ พัฒนาสินค้ารักษ์โลกของไทยสู่ตลาดโลก เร่งเครื่องภาคส่งออก สร้างสังคมคาร์บอนต่ำ แก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมโลก” นายรักษ์ กล่าว

ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : EXIM BANK ลดดอกเบี้ยเงินกู้เหลือ 6.60%