ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดพุ่ง 322จุด รับแรงเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ย

ดัชนีดาวโจนส์ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปิดตลาดขยับพุ่งขึ้น ในวันพฤหัสบดี (2 พ.ค.67) โดยตลาดหุ้น ได้แรงหนุนจาก นายเจอโรม พาวเวล ประธานธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่ยังคงส่งสัญญาณว่า ทางเฟด จะไม่ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งหน้า ในเดือน มิ.ย. ส่งผลให้ ดัชนีดาวโจนส์ ปิดตลาดแดนบวก รวมถึงการชะลอตัว ของอัตราผลตอบแทน พันธบัตรสหรัฐฯ ยังเป็นอีกปัจจัย ที่ช่วยหนุนตลาดหุ้นอีกด้วย

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ ปิดตลาดพุ่งขึ้น อยู่ที่ 38,225.66 จุด เพิ่มขึ้น 322.37 จุด หรือ +0.85%, ขณะที่ ดัชนีเอสแอนด์พี 500 เคลื่อนไหวที่ 5,064.20 จุด เพิ่มขึ้น 45.81 จุด หรือ +0.91% ขณะที่ ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส อยู่ที่ 15,840.96 จุด เพิ่มขึ้น 235.48 จุด หรือ +1.51% 

ทั้งนี้ ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ได้ปัจจัยบวกหลังจากองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และการพัฒนา (OECD) ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ การขยายตัวของเศรษฐกิจโลก ในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 3.1% จากตัวเลขคาดการณ์เดิม ที่ระดับ 2.9% 

โดยระบุว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจสหรัฐฯ เป็นหนึ่งในปัจจัย ที่ช่วยหนุนเศรษฐกิจโลก นอกจากนี้ OECD ได้ปรับเพิ่มคาดการณ์ เศรษฐกิจสหรัฐฯ ในปี 2567 ขึ้นสู่ระดับ 2.6% จากระดับ 2.1%

นอกจากนี้ ตลาดยังได้แรงหนุนจากอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ อายุ 10 ปี ที่ปรับตัวลงสู่ระดับ 4.58% และอัตราผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 2 ปีปรับตัวลงสู่ระดับ 4.887%

ทังนี้ มีรายงานด้วยว่า นายพาวเวล กล่าวภายหลัง เสร็จสิ้นการประชุม นโยบายการเงินของเฟด เมื่อวันพุธ ที่ผ่านมาว่า เฟดไม่มีแนวโน้มที่จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ในการประชุมครั้งต่อไป ซึ่งจะมีขึ้นในวันที่ 11-12 มิ.ย. 

อย่างไรก็ตาม นายพาวเวล ยังกล่าวด้วยว่า ตัวเลขเงินเฟ้อ ที่แข็งแกร่งของสหรัฐฯ อาจทำให้เฟด ยังไม่พิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย ในระยะเวลาอันใกล้นี้

นอกจากนี้ นายพาวเวล ยังมีมุมมองเชิงบวกต่อเศรษฐกิจสหรัฐฯ โดยเขาไม่คิดว่าสหรัฐฯ จะเผชิญภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่เงินเฟ้อสูงขึ้น (Stagflation) 

แม้ก่อนหน้านี้ นักลงทุนพากันวิตกกังวล เกี่ยวกับภาวะ Stagflation หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ (GDP) ไตรมาส 1/2567 ที่ขยายตัวต่ำสุดในรอบเกือบ 2 ปี และดัชนีราคาการใช้จ่ายเพื่อการบริโภคส่วนบุคคล (PCE) ที่สูงเกินคาด

สำหรับหุ้น 9 ใน 11 กลุ่ม ที่คำนวณในดัชนี S&P500 ปิดในแดนบวก นำโดย ดัชนีหุ้นกลุ่มเทคโนโลยี และกลุ่มสินค้าฟุ่มเฟือย พุ่งขึ้น 1.64% และ 1.58% ตามลำดับ ส่วนดัชนี หุ้นกลุ่มวัสดุ และกลุ่มสุขภาพ ปรับตัวลง 0.51% และ 0.11% ตามลำดับ

ด้านหุ้นควอลคอมม์ ซึ่งเป็นผู้ผลิตชิพโทรศัพท์มือถือ รายใหญ่ของโลก พุ่งขึ้น 9.7% หลังบริษัทเปิดเผยกำไร และรายได้ ที่สูงเกินคาดในช่วงเดือน ม.ค.-มี.ค. ซึ่งเป็นไตรมาส 2 ประจำปีงบการเงิน 2567 ของบริษัท

ในส่วน หุ้นโมเดอร์นา ทะยานขึ้น 12.6% หลังจากบริษัท เปิดเผยตัวเลขขาดทุนน้อยกว่าคาดในไตรมาส 1/2567 และรายได้สูงกว่าคาด โดยได้แรงหนุน จากมาตรการปรับลดค่าใช้จ่าย ของบริษัท รวมทั้งยอดขายวัคซีนโควิด-19 ที่สูงเกินคาด

หุ้นแอปเปิ้ล พุ่งขึ้น 2.2% ก่อนที่บริษัทจะเปิดเผยผลประกอบการ หลังจากตลาดปิดทำการซื้อขาย โดยข้อมูลจากแอลเอสอีจี (LSEG) ระบุว่า ขณะนี้มีบริษัท 373 แห่ง ในดัชนี S&P500 ที่ได้รายงานผลประกอบการแล้ว โดย 77% ของบริษัทเหล่านี้ มีผลประกอบการที่สูงเกินคาด

อย่างไรก็ตาม ในส่วนของข้อมูลเศรษฐกิจ ที่มีการรายงานเมื่อคืนนี้ กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงานครั้งแรก อยู่ที่ระดับ 208,000 ราย ในสัปดาห์ที่แล้ว ไม่เปลี่ยนแปลง จากสัปดาห์ก่อนหน้านี้ แต่ต่ำกว่าตัวเลขคาดการณ์ ของนักวิเคราะห์ ที่ระดับ 212,000 ราย

ขณะที่ กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ เปิดเผยว่า คำสั่งซื้อภาคโรงงานของสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 1.6% ในเดือน มี.ค. เมื่อเทียบรายเดือน สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ของนักวิเคราะห์ หลังจากเพิ่มขึ้น 1.2% ในเดือน ก.พ.

อย่างไรก็ตาม นักลงทุนคงยังจับตาการ เปิดเผยตัวเลขจ้างงานนอกภาคเกษตร เดือน เม.ย. ของสหรัฐฯ ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า ตัวเลขจ้างงาน นอกภาคเกษตรของสหรัฐฯ จะเพิ่มขึ้นเพียง 243,000 ตำแหน่ง ในเดือนเม.ย. 

โดยนักลงทุน คาดจะชะลอตัวลง หลังจากที่เพิ่มขึ้น 303,000 ตำแหน่ง ในเดือน มี.ค. และ คาดว่าอัตราว่างงานจะทรงตัวที่ระดับ 3.8% ในเดือน เม.ย. คงต้องรอดู

อ้างอิง : Investing.com

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ตลาดหุ้นสหรัฐ บวก 180 จุด รับข่าวเฟดไม่ขึ้นดอกเบี้ย ประชุมช่วง มิ.ย.นี้