ม.หอการค้า มั่นใจ “Easy E-Receipt”ช่วยพยุงเศรษฐกิจปี 67

Girlfriends are paying their cocktails on the beach bar using contactless credit card

ม.หอการค้าไทย มั่นใจ “Easy E-Receiptช่วยพยุงเศรษฐกิจปี 67 คาดร่วมโครงการ 5 แสน -1 ล้านคน มีเม็ดเงินสะพัด 3-5 หมื่นล้านบาท

  • คาดร่วมโครงการ 5 แสน -1 ล้านคน
  • เม็ดเงินสะพัด 3-5 หมื่นล้านบาท
  • กระตุ้นจีดีพี 0.1-0.3% ต่อปี

วันที่ 24 ธันวาคม 2566 นายธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ เปิดเผยว่า ขณะนี้ประเทศไทยขาดแรงสนับสนุนทางด้านเศรษฐกิจ ดังนั้น การมีโครงการEasy E-Receipt (อีซี่อี-รีซีท) ที่ออกมาในช่วงต้นปี 2567 จึงเป็นโครงการเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจโครงการแรกของรัฐบาล ที่กระตุ้นการใช้จ่ายได้วงเงินก้อนใหญ่พอสมควร

ทั้งนี้ประเมินว่า ประชาชนที่จะเข้าร่วมใช้สิทธิมาตรการ อีซี่อี-รีซีท อยู่ที่ประมาณ 5 แสน – 1 ล้านคน เนื่องจากว่ามาตรการดังกว่าเป็นเรื่องของการลดหย่อยภาษี ผู้ที่จะใช้สิทธิได้คือกลุ่มที่อยู่ในฐานเสียภาษีตั้งแต่ 10% – 35% ของเงินได้นั้น น่าจะใช้สิทธินี้ และคนที่ได้รับประโยชน์มากสุด คือคนที่ค่อนข้างมีรายได้สูงตั้งแต่กลุ่มเสียภาษี 20% ขึ้นไป ที่จะใช้จ่ายตามมาตรการเต็มจำนวนคือ 5 หมื่นบาทต่อคน ส่วนคนที่เสียภาษีต่ำกว่า 20% ลงมา นั้นอาจจะใช้หรือไม่สิทธิโครงการก็ได้ ขึ้นอยู่กับว่าเขาใช้สิทธิลดหย่อนอื่นๆไปมากแค่ไหนแล้ว ดังนั้น จึงคาดว่าคนที่เข้าร่วมโครงการจะอยู่ที่ 5 แสน- 1ล้านคน

“เม็ดเงินจากโครงการนั้น หากคำนวณจากที่ทุกคนที่ร่วมโครงการจำนวนที่ 5 แสน- 1ล้านคน ใช้เงินเต็มเพดานที่ 5 หมื่นบาทต่อคน จะส่งผลให้มีเม็ดเงินหมุนเวียนที่ประมาณ 3 -5 หมื่นล้านบาท ซึ่งคาดว่าน่าจะช่วยขับเคลื่อนการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ได้เพิ่มขึ้น 0.1-0.3% ต่อปี ในไตรมาสที่ 1ของปี 2567”