

ดรุคแอร์ ภูฎาน ลงนามกับแอร์บัสสั่งซื้อฝูงบินใหม่ 5 ลำ 2 รุ่นล่าสุด A320neo และ A321XLRเดินหน้าใช้ 2 สนามบินอินเตอร์ขยายเครือข่ายบินทั่วโลก ยุโรป เอเชีย ออสเตรเลีย นำเมือง GMC เป็นฮับเศรษฐกิจชาติในอนาคต
ทันดี วังชุก ประธานกรรมการบริหารดรุคแอร์ (Drukair) หรือ รอยัลภูฏานแอร์ไลน์ สายการบินประจำชาติภูฏาน ได้ลงนามบันทึกความเข้าใจ (MOU) กับบริษัทแอร์บัสเพื่อสั่งซื้อฝูงบินพาณิชย์รุ่นใหม่ 5 ลำ ได้แก่ เครื่องบิน A320neo 3 ลำ และ A321XLR อีก 2 ลำ เพื่อขยายเครือข่ายการบินนานาชาติ ไปยังภูมิภาคยุโรป เอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และออสเตรเลีย กำหนดเริ่มส่งมอบปี 2573 เป็นต้นไป โดยสายการบินมีแผนจะนำมาให้บริการบินจากท่าอากาศยานนานาชาติพาโร และท่าอากาศยานแห่งใหม่ที่เมืองเกเลฟู มายฟูลเนส ซิตี้ (Gelephu Mindfulness City: GMC) ตามวิสัยทัศน์จะยกระดับเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งอนาคตของภูฏาน
ขณะนี้ ดรุคแอร์ ให้บริการด้วยเครื่องบินแอร์บัสในตระกูล A320 รวมทั้งหมด 4 ลำ ประกอบด้วยเครื่องบินรุ่น A319 จำนวน 3 ลำ และ A320 จำนวน 1 ลำ
ส่วนเมือง GMC เกิดขึ้นจากวิสัยทัศน์ของสมเด็จพระราชาธิบดีจิกมี เคเซอร์ นัมเกล วังชุก มีที่ตั้งอยู่บริเวณพื้นที่ราบทางตอนใต้ของภูฏาน ปัจจุบันได้พัฒนาเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจแห่งใหม่ของภูฎาน ดรุคแอร์ในฐานะสายการบินประจำชาติมีบทบาทสำคัญสร้างความเจริญรุ่งเรืองให้ GMC และภูฏานตอบโจทย์ความต้องการด้านการขนส่งและโลจิสติกส์เติบโตเพิ่มขึ้นอย่างน่าเชื่อและมีประสิทธิภาพ
ทันดี วังชุก กล่าวว่า รู้สึกตื่นเต้นและยินดีที่ดรุคแอร์ได้เริ่มต้นประวัติศาสตร์บทใหม่ครั้งนี้มีการเปลี่ยนแปลงสอดคล้องกับการพัฒนาเมือง Gelephu Mindfulness City และแผนขยายสนามบินเกเลพู (Gelephu) พร้อมกับลงทุนสั่งซื้อเครื่องบินล้ำสมัยได้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนวิสัยทัศน์ของภูฏาน ด้านการพัฒนาอย่างองค์รวมและมุ่งเน้นด้านจิตใจไปพร้อม ๆ กัน
สำหรับดรุคแอร์เป็นบริษัทในเครือ ดรุคโฮลดิ้ง แอนด์ อินเวสเมนส์ จำกัด มีบทบาทด้านการลงทุนตามนโยบายโดยมีรัฐบาลภูฎานเป็นเจ้าของทั้งหมด ดังนั้นการลงนาม MOU กับแอร์บัสครั้งนี้ทำผ่านบริษัทดังกล่าวในนามของรัฐบาลด้วยเช่นกัน
เบอนัวต์ เดอ แซงเต็กซูเปรี รองประธานฝ่ายขายเครื่องบินพาณิชย์ ของแอร์บัส กล่าวว่า ขอขอบคุณดรุคแอร์ที่ยืนยันความไว้วางใจแอร์บัสได้มีส่วนร่วมขับเคลื่อนสายการบินให้เติบโตต่อไป ในฐานะที่เป็นพันธมิตรกับภูฎานมายาวนาน จึงภูมิใจอย่างยิ่งเมื่อเครื่องบินรุ่นล่าสุดได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาอนาคตทางเศรษฐกิจ ตามแผนเชื่อมโยงเมือง Gelephu Mindfulness City เข้ากับภูมิภาคอื่น ๆ ของโลก อย่างแข็งแกร่ง

สำหรับดรุคแอร์ มีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ในเมืองพาโร ประเทศภูฏาน เปิดให้บริการเส้นทางการบินประจำระหว่างประเทศสู่จุดหมายปลายทางทั่วโลก 10 แห่ง รวมทั้งในเอเชียใต้ 5 ประเทศ และบินบริการภายในประเทศอีก 3 แห่ง
ขณะที่ฝูงบิน A321neo เป็นสมาชิกที่มีขนาดใหญ่สุดของตระกูล A320neo เป็นเครื่องบินพาณิชย์ของแอร์บัสทำยอดขายดีที่สุด โดยมีพิสัยบินดีเยี่ยมและประสิทธิภาพไม่มีใครเทียบชั้นได้ ด้วยการเลือกใช้เครื่องยนต์เจเนเรชั่นใหม่และปลายปีกชาร์คเลท (Sharklet) สามารถลดเสียงรบกวนลงได้ถึง 50 % ประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ได้มากกว่า 20 % เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นก่อนหน้าแบบทางเดินเดี่ยว แถมเพิ่มความสะดวกสบายด้วยห้องโดยสารทางเดินเดี่ยวขณะนี้มีขนาดกว้างที่สุด
ปัจจุบันมียอดคำสั่งซื้อเครื่องบิน A321neo แล้วกว่า 6,400 ลำ จากลูกค้าทั่วโลกมากกว่า 90 รายทั่วโลก
ส่วนฝูงบิน A321XLR เป็นวิวัฒนาการลำดับขั้นถัดมาของ A320neo ช่วยตอบสนองความต้องการตลาดที่ต้องการพิสัยบินไกลขึ้นและปริมาณน้ำหนักบรรทุกมากขึ้น เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้สายการบิน เครื่องบินรุ่นนี้พิสัยบินระยะไกลเป็นพิเศษอย่างไม่เคยมีมาก่อนถึง 4,700 ไมล์ทะเล ทำได้มากกว่ารุ่น A321LR ถึง 15 % แล้วยังใช้ปริมาณพลังงานต่อที่นั่งลดลง 30 % เมื่อเทียบกับเครื่องบินรุ่นก่อนหน้านี้ของคู่แข่งในตลาด รวมถึงลดการปล่อยก๊าซไนโตรเจนออกไซด์ (NOx) และเสียงรบกวนลง

“ห้องโดยสาร” A321XLR เป็นแอร์สเปซ แบบใหม่ พร้อมมอบประสบการณ์การเดินทางดีที่สุดให้ผู้โดยสาร ที่นั่งในทุกชั้นจะได้รับความความสะดวกสบายแบบเดียวกับเครื่องบินลำตัวกว้างที่บินระยะไกล และมีต้นทุนต่ำเนื่องจากเป็นเครื่องบินแบบทางเดินเดียว ขณะนี้แอร์บัสได้รับคำสั่งซื้อเครื่องบิน A321XLR แล้วกว่า 500 ลำ
ทั้งนี้เครื่องบินแอร์บัสทุกรุ่น ตระกูล A320 สามารถใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel: SAF) ได้ถึง 50 % และผู้ผลิตได้ตั้งเป้าภายในปี 2573 เป็นต้นไป เครื่องบินทุกรุ่นที่ผลิตจะสามารถใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนได้ 100 %
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : แอร์บัส โชว์ A330 MRTT ทำสำเร็จ เติมน้ำมันออโต้กลางคืนให้ F-16