ดีอี ร่วม สตช. จับแก๊งตัดต่อภาพโป๊เปลือย ดารา คนดัง ขาย

ดีอี ร่วม สตช. จับแก๊งตัดต่อภาพโป๊เปลือย ดารา คนดัง ขาย พร้อมรับจ้างตัดต่อภาพลามกอนาจารผ่านกลุ่มลับแอป VK โดยใช้ชื่อบัญชี “รบกวนตัดออกให้ที”

  • มีผู้ติดตามประมาณ 120,000ราย
  • สมาชิกที่เสียเงิน สามารถดูภาพตัดต่อโป๊เปลือยของผู้อื่น
  • ซึ่งถูกตัดต่อไว้แล้วโดยใช้โปรแกรมระบบ AI

นายประเสริฐ  จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) เปิดเผยว่า ดีอี และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้ปฏิบัติการ Cyber Guardian เป็นการบุกตรวจค้นจับกุมผู้กระทำผิดจำนวน 4 กรณี ได้แก่

1. กรณีจับกุมแก๊งหลอกโหลดแอปดูดเงิน อายัดเงินได้ทัน 960,000 บาท เพื่อคืนผู้เสียหาย โดยคนร้ายได้โทรศัพท์มาหลอกลวงผู้เสียหาย อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กรมบัญชีกลาง แจ้งว่ารัฐบาลจะให้รับเงินบําเหน็จ บํานาญ เดือนละ 2 ครั้ง และจะช่วยดําเนินการให้ จากนั้นคนร้ายให้ผู้เสียหายเพิ่มเพื่อนในแอปพลิเคชันไลน์ แล้วให้ทําตามขั้นตอนที่คนร้ายบอก ปรากฏว่าโทรศัพท์เครื่องค้างไม่สามารถปิดเครื่องหรือทําอะไรได้ ผู้เสียหายจึงรีบเดินทางไปที่ธนาคารและพบว่าเงินในบัญชีธนาคาร 2 บัญชีถูกโอนไปยังบัญชีคนร้าย 5 ครั้ง

2. กรณีจับกุมเครือข่ายพนันออนไลน์ Slotkub พบเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาท พบการกระทำผิดในการจัดให้มีการเล่นพนันออนไลน์ ผ่านระบบอินเตอร์เน็ต ซึ่งประชาชนทั่วไปสามารถเข้าถึงได้ จำนวน 3 เว็บไซต์ ได้แก่ slotkub789.com, slotkub88.com และ like365.com ซึ่งเครือข่ายดังกล่าว มีสมาชิกผู้เล่นรวมกันกว่า 100,000 คน มียอดเงินหมุนเวียนกว่า 200 ล้านบาทต่อปี จากการสืบสวน

นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี)

เจ้าหน้าที่ตำรวจพบว่า ทั้ง 3 เว็บไซต์ดังกล่าวนั้น เป็นเครือข่ายเดียวกัน จึงได้ลงพื้นที่หาข้อมูลพร้อมรวบรวมพยานหลักฐานจนสามารถขออำนาจศาลออกหมายหมายจับผู้ที่เกี่ยวข้องกับการกระทำผิด รวมจำนวน 10 ราย โดยมีทั้ง เจ้าของเว็บไซต์ โปรแกรมเมอร์ เจ้าหน้าที่ดูแลการเงิน และบัญชีม้า นอกจากนี้ ยังได้ขออนุมัติหมายค้นจากศาล เพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมายที่เกี่ยวข้อง กระทั่งเช้ามืดของวันที่ 13 ธันวาคม 2566 เจ้าหน้าที่ตํารวจไซเบอร์ได้ระดมกำลังเพื่อเข้าตรวจค้นเป้าหมาย และจับกุมผู้กระทําความผิดที่เกี่ยวข้อง โดยได้เข้าตรวจค้นพื้นที่ทั้งหมด จำนวน 6 จุด สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ทั้งหมด 4 ราย พร้อมตรวจยึดของกลางและทรัพย์สินที่เกี่ยวข้องได้หลายรายการ มูลค่ากว่า 20 ล้านบาท

3. กรณีบุกค้นโกดังใหญ่ย่านบางบอน ขยายผลจากกรณีจับตัวการส่งพัสดุ หลอกเก็บเงินปลายทาง หน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้บุกตรวจค้นโกดังสินค้าขนาดใหญ่ย่านบางบอน ขยายผลจากกรณีจับกุมตัวการส่งพัสดุหลอกเก็บเงินปลายทางโดยที่ไม่ได้สั่งซื้อ และส่งสินค้าที่ไม่ตรงปกเพื่อหลอกเก็บเงินปลายทาง เจ้าหน้าที่ตำรวจได้นำกำลังเข้าจับกุมนายอนุศาสน์ (ขอสงวนนามสกุล) อายุ 25 ปี ซึ่งได้ใช้แพลตฟอร์ม TikTok จำนวน 4 บัญชีในการขายสินค้า มีการส่งพัสดุในรอบ 1 เดือน ประมาณ 8,000 ชิ้น และมีพัสดุตีกลับประมาณ 47 เปอร์เซ็นต์ อีกทั้งยังมียอดระงับการเก็บเงินปลายทางกว่า 800,000บาท

จึงได้นำตัวพร้อมของกลางส่งดำเนินคดี ต่อมา เจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์ได้นำกำลังพร้อมหมายค้นศาลแขวงบางบอน เข้าตรวจค้นโกดังสินค้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง ในซอย เอกชัย 109 แขวงบางบอนใต้ เขตบางบอน กรุงเทพมหานคร พบนางสาวกัญญารัตน์ อายุ 24 ปี ชาว จ.บุรีรัมย์ อ้างว่าเป็นผู้ดูแล โดยได้ให้ความร่วมมือพาเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นภายในโกดังดังกล่าว จากการตรวจค้นพบของกลางสินค้านำเข้าจากประเทศจีนที่ไม่มีมาตรฐานกว่า 30 รายการ รวมทั้งสิ้นกว่า 4,000ชิ้น อาทิ เครื่องใช้ไฟฟ้า น้ำหอม ครีมทาผิว และสินค้าอื่นๆ อีกหลายรายการ โดยเจ้าหน้าที่ตำรวจจะทำการตรวจยึดของกลางทั้งหมดส่งดำเนินการตามกฎหมาย พร้อมจะทำการขยายผลเพิ่มเติมจากหลักฐานที่ได้จากปฏิบัติการดังกล่าวต่อไป

4. กรณีจับแก๊งรับจ้างตัดต่อภาพลามกอนาจารผ่านกลุ่มลับแอป VK โดยใช้ชื่อบัญชี “รบกวนตัดออกให้ที” ซึ่งมีผู้ติดตามประมาณ 120,000ราย นอกจากนี้ ยังมีการโพสต์ข้อความรับจ้างตัดต่อภาพผู้อื่นให้เป็นภาพโป๊เปลือย หรือรับเข้าเป็นสมัครชิกกลุ่มวีไอพีชื่อ “ชุมชนช่างตัดเสื้อ” รวมทั้งเปิดให้เช่าใช้งานโปรแกรม AI สำหรับตัดต่อภาพโป๊เปลือย โดยรับชําระเงินผ่านระบบทรูมันนี่ วอลเล็ท ในรูปแบบของอั่งเปา ทั้งนี้ สมาชิกที่เสียเงิน สามารถดูภาพตัดต่อโป๊เปลือยของผู้อื่น ซึ่งถูกตัดต่อไว้แล้วโดยใช้โปรแกรมระบบ AI หรือ “ปัญญาประดิษฐ์” โดยมีแอดมินที่เชื่อว่ามีความรู้ความสามารถทางด้านคอมพิวเตอร์เป็นอย่างดีในการทําหน้าที่ควบคุมกลุ่มดังกล่าว

จากการตรวจสอบเส้นทางการเงิน สามารถนําไปสู่การออกหมายจับผู้ต้องหาได้จํานวน 2 ราย ซึ่งเป็นผู้รับผลประโยชน์จากการร่วมกันกระทําความผิดดังกล่าว โดยในครั้งนี้สามารถจับกุมผู้ต้องหาได้ครบทั้ง 2 ราย พร้อมตรวจยึดอุปกรณ์คอมพิวเตอร์และโทรศัพท์มือถือที่ใช้ในการกระทําความผิด นอกจากนี้ จากการสืบสวนยังพบอีกว่า คนร้ายดังกล่าวมีพฤติกรรมนําภาพของผู้อื่นมาตัดต่อให้มีลักษณะโป๊เปลือยและนําเข้าข้อมูลภาพดังกล่าวลงในกลุ่มในลักษณะลามกอนาจารแล้วหลายราย ทั้งดารา และบุคคลที่มีชื่อเสียง โดยการตัดต่อเป็นภาพลามกและนําไปโพสต์ขายในสื่อสังคมออนไลน์เป็นการกระทําความผิดหลายข้อหา

ได้แก่ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 287 (1) และ พ.ร.บ. ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์14(4) นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ใดๆ ที่มีลักษณะอันลามกและข้อมูลคอมพิวเตอร์นั้นประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ระวางโทษจําคุกไม่เกิน 5 ปี หรือปรับไม่เกิน 100,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับและมาตรา 16 นําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ที่ประชาชนทั่วไปอาจเข้าถึงได้ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏเป็นภาพของผู้อื่น และภาพนั้นเป็นภาพที่เกิดจากการสร้างขึ้น ตัดต่อ เติมหรือดัดแปลงด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์หรือวิธีการอื่นใด โดยประการที่น่าจะทําให้ผู้อื่นนั้นเสียชื่อเสียงถูกดูหมิ่น ถูกเกลียดชัง หรือได้รับความอับอาย ต้องระวางโทษจําคุกไม่เกิน 3 ปีปรับไม่เกิน 200,000 บาท

ทั้งนี้ หากประชาชนมีข้อสงสัย สามารถโทรปรึกษาสายด่วน AOC 1441 ได้ตลอด 24 ชั่วโมง