นาย ภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี แก้ปัญหาน้ำท่วมซ้ำซาก พิจารณาผลกระทบทุกด้าน มั่นใจรับมือได้น้ำไม่ท่วม กทม.ซ้ำรอยปี 54
เมื่อเวลา 15.55 น.วันที่ 31 ส.ค.ที่เขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.พาณิชย์ ปฏิบัติหน้าที่แทนนายกรัฐมนตรี พร้อมนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ และคณะ
รับฟังรายงานแผนการบริหารจัดการน้ำลุ่มน้ำเจ้าพระยาและปริมาณน้ำในเขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ต่อมา นายภูมิธรรม ให้สัมภาษณ์หลังเสร็จสิ้นภารกิจว่า การมาวันนี้ได้มีการปรึกษาหารือกันตลอด และรับฟังความห่วงใยต่างๆ ขณะที่น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกฯ ลงพื้นที่ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย(พท.)
ก็มีความเป็นห่วงราษฎรและอยากให้เราดูตรงนี้ให้เต็มที่ เพราะเห็นใจประชาชนที่อยู่ตรงนี้ยากลำบาก
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ส่วนวันนี้ตนก็ได้มีการหารือกับกระทรวงมหาดไทยและกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ(สทนช.)โดยทั้งหมดได้มีประสานงานกับผู้ว่าราชการจังหวัดทั้งจ.สุโขทัยและจ.นครสวรรค์
และวัตถุประสงค์วันนี้คือเราได้ยินว่ามีน้ำท่วมหลาก โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ได้มีการลงพื้นที่มาก่อนล่วงหน้าแล้ว ด้วยความห่วงใยประชาชน น้ำที่ลงมาที่นี่ลักษณะเป็นน้ำหลากลงมาแล้วกระจายตัว ซึ่งได้สร้างความเสียหายให้กับประชาชน โดยพื้นที่จ.น่าน พะเยา และจ.แพร่ เราได้ลงพื้นที่และสั่งการไปเรียบร้อยแล้ว ให้ทุกฝ่ายช่วยกันระบายน้ำลงแม่น้ำโขง โดยแม่น้ำปิง วัง ที่ลงมาจากจ.เชียงใหม่
คาดว่าจะไม่กระทบอะไรมาก เพราะยังสามารถรับน้ำได้ค่อนข้างมาก ส่วนทางจ.แพร่ทางด้านที่ลงเขื่อนสิริกิติ์ก็ไม่มีปัญหาอะไร ซึ่งจากที่ดูแต่ละเขื่อน มีเปอร์เซ็นต์ที่สามารถรับน้ำได้ ขณะที่น้ำที่ลงมาส่วนใหญ่ลงมาจากแม่น้ำยม และมีปัญหามากที่สุดต่อเนื่องมาหลายสิบปี เมื่อน้ำไหลลงมาก็ไม่มีที่รองรับน้ำ ทำให้จ.สุโขทัย ที่เป็นที่ลุ่มต่ำรับน้ำทั้งหมด
ทั้งนี้ เรามา จ.สุโขทัย เพื่อแก้ไขป้องกัน สิ่งไหนที่กีดขวางทางน้ำก็สั่งการให้สทนช. ทลายลง เช่น รางรถไฟเดิมที่เป็นจุดขวางน้ำก็ขอให้รื้อออก เพื่อระบายลงไปให้เร็วที่สุด และเราได้มีการประกาศภาวะอุบัติภัยไปแล้ว ทำให้จังหวัดสามารถใช้เงิน 20 ล้านบาท ในการดูแลเยียวยาเบื้องต้นที่สามารถทำได้ทันเหตุการณ์ ส่วนของรัฐบาลก็มีงบกลางที่จะช่วยเรื่องภัยพิบัติอยู่ เราก็มาดูว่าอันไหนที่จะป้องกันเพิ่มเติมหรือป้องกันน้ำที่กำลังเข้ามาก็ควรจะทำ เมื่อตนกลับไปจะเสนอเป็นวาระแห่งชาติ สิ่งที่จะใช้ขอใช้เงินให้คิดกันในระยะยาวตั้งแต่ต้นน้ำยันปลายน้ำ
นายภูมิธรรม กล่าวว่า สำหรับจ.สุโขทัยถึงเวลาแล้วที่จะต้องมาพูดคุยกันถึงเขื่อนแก่งเสือเต้น เพราะที่ผ่านมาสร้างอะไรไม่ได้ ทำอะไรไม่ได้ เนื่องจากมีความคิดเห็นที่แตกต่าง 2 ฝ่าย ระหว่างพี่น้องประชาชนที่ประสบภัยพิบัติที่ต้องทุกข์ร้อนต้องจมอยู่กับน้ำขังน้ำหลากมาเป็นเวลานาน แต่ขณะเดียวกันเมื่อมีสภาพแวดล้อมมาเกี่ยวข้อง เราก็เข้าใจ ต้องคำนึงถึงผลกระทบที่เกิดขึ้น และดูแลทุกอย่างให้ครบถ้วน ฉะนั้นเรื่องนี้ก็ขอให้เป็นประเด็นสาธารณะที่จะพิจารณาและคณะรัฐมนตรี(ครม.)จะพิจารณาอย่างถ่องแท้ ทั้งนี้เราได้มีการประสานงานกับเวิลด์แบงค์ซึ่งเขาขอเข้ามาดำเนินการ เราก็ให้เขาไปศึกษาผลกระทบต่างๆ ซึ่งต้องดูประชาชนที่ได้รับผลกระทบ และประชาชนที่ไม่อยากให้มีการสร้างเขื่อนเกิดขึ้นว่ามีเหตุผลอะไร มีจำนวนเท่าไหร่ หาก็มีปัญหาทางกายภาพ การชดเชยเยียวยา เราสามารถทำให้เป็นธรรมกับเขาได้ โดยจะมีการไปพิจารณารายละเอียดอีกครั้ง
นายภูมิธรรม กล่าวว่า อยากให้ตรงนี้เป็นที่ยุติสาธารณะโดยเร็วที่สุด ซึ่งตนอยากให้เกิดขึ้นภายในปีนี้ ถ้าเกิดสามารถจัดการจบได้ในครม. สามารถดำเนินการได้เลย เพราะต้องใช้เวลาอีกหลายปี และเงินที่นำมาแก้ปัญหาอยู่ในระบบที่สามารถจัดการปัญหาได้อย่างเต็มที่
นายภูมิธรรม กล่าวว่า ขณะนี้มีข่าวลือในโซเชียลมีเดียมากว่าจะเกิดน้ำท่วมเหมือนปี 54 ซึ่งเมื่อมาดูแล้วมีระบบการกระจายน้ำไปในส่วนต่างๆ ส่วนจะมีพายุเข้ามาหรือไม่นั้น จากการตรวจสอบข้อมูลเชิงวิชาการของกรมอุตุนิยมวิทยา จุดที่มีปัญหาเมื่อคำนวณแล้วเชื่อว่าเราสามารถรับมือสถานการณ์ได้ อย่างเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท และอีกหลายเขื่อนมีน้ำเพียง 1ใน 4 หรือ 1 ใน 2 เท่านั้น ยังสามารถรองรับปริมาณน้ำได้มาก และน้ำอยู่ในช่วงของการระบายเพียงครึ่งหนึ่งเท่านั้น จึงไม่อยากให้พี่น้องประชาชนวิตก ข้อมูลส่วนวิชาการที่เราทำขณะนี้ เราทำด้วยใจที่รู้สึกว่าพี่น้องประชาชนยากลำบากและมีความเป็นห่วงเป็นใย รวมถึงพื้นที่กทม.ด้วย เพราะฉะนั้นทุกอย่างต้องเชื่อใจหน่วยงานราชการที่เกี่ยวข้องทั้งหมด และครม.จะต้องเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการแก้ไขปัญหานี้ให้ได้
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่นายภูมิธรรมและคณะ ขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตรวจสถานการณ์น้ำและพื้นที่การเกษตร โดยบินผ่านบึงบอระเพ็ด จ. นครสวรรค์ แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา จ.ชัยนาท นายภูมิธรรม กล่าวว่า จ.สุโขทัยเท่าที่ฟังเสียงประชาชนอยากได้สถานที่รองรับน้ำเพราะแม่น้ำยมไม่มีจุดรองรับ จึงเป็นปัญหาซ้ำซากมาตลอดทุกปี ดังนั้นเวลาต้องคุยกัน หากสร้างเขื่อนเชื่อว่าน่าจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ วันนี้ที่บินดูพื้นที่ที่น้ำจากเขื่อนภูมิพลจะทยอยลงมา โดยพื้นที่ใต้เขื่อนดูแล้วคนกทม.น่าจะสบายใจขึ้น เขื่อนสามารถรองรับปริมาณน้ำได้ไม่มีปัญหาอะไร และจากกระบวนการรองรับน้ำหากมีพายุเข้าก็น่าจะเอาอยู่ ไม่น่าที่จะส่งผลกระทบรุนแรง ถ้าบริหารจัดการได้ดี ข้างล่างก็ไม่มีปัญหา เพราะมีเขื่อนดักไว้เป็นส่วนๆ มีโอกาสที่จะกักน้ำได้ ฉะนั้นปีนี้ไม่น่าจะเหมือนปี 54
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : รองนายกฯ ภูมิธรรม เตรียมขึ้นเฮลิคอปเตอร์ ตรวจบึงบอระเพ็ด แม่น้ำน่าน แม่น้ำเจ้าพระยา และเขื่อนเจ้าพระยา