ประชุม คนช. นัดแรกไฟเขียว กฎหมายป่าชุมชน 2 ฉบับ

กฎหมายป่าชุมชน
ประชุม คนช. นัดแรก ไฟเขียวกฎหมายป่าชุมชน 2 ฉบับ


รองนายกฯ “ประเสริฐ” นั่งประธาน ประชุม คนช. นัดแรก ไฟเขียว กฎหมายป่าชุมชน 2 ฉบับ เล็งประชาชนได้ประโยชน์ ประเทศได้พื้นที่สีเขียวเพิ่มขึ้น

วันนี้ (17 ต.ค.67) เวลา 14.00 น. ณ ห้องประชุม 301 ตึกบัญชาการ1 ทำเนียบรัฐบาล นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) 

มอบนโยบาย 8 ข้อให้ คณะกรรมการ คนช.

รองนายกรัฐมนตรีได้มอบนโยบายแก่คณะกรรมการฯ ในโอกาสประชุมคณะกรรมการนโยบายป่าชุมชน (คนช.) เป็นนัดแรก ดังนี้

(1) ให้ความสำคัญในการส่งเสริมให้ประชาชนมีส่วนร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ฟื้นฟู จัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติ สิ่งแวดล้อมและความหลากหลายทางชีวภาพอย่างสมดุลและยั่งยืนในรูปแบบของป่าชุมชน

(2) เร่งสร้างความรู้ ความเข้าใจ เกี่ยวกับพระราชบัญญัติป่าชุมชนพ.ศ. 2562 และอนุบัญญัติที่ออกมาใช้บังคับ ให้กับภาคประชาชนหน่วยงาน และองค์กรที่เกี่ยวข้อง

(3) เร่งจัดการจัดตั้งป่าชุมชนภายใต้พระราชบัญญัติป่าชุมชน พ.ศ. 2562 

(4) ให้ความสำคัญในการสร้างความเข้มแข็งและพัฒนาศักยภาพให้กับเครือข่ายป่าชุมชนทั่วประเทศ เพื่อเป็นกลไกสนับสนุนการบริหารจัดการป่าชุมชนให้เกิดประสิทธิภาพ

(5) สร้างเครือข่ายความร่วมมือกับหน่วยงานภาครัฐภาคเอกชนเพื่อสนับสนุนการบริหารจัดการป่าชุมชนอย่างมีส่วนร่วม

(6) ส่งเสริมให้พื้นที่ป่าชุมชนเป็นแหล่งดูดทรัพย์ก๊าซาร์บอนไดออกไซด์ ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก ตามที่ประเทศไทยได้ประกาศเจตนารมณ์ที่จะบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอน(carbon neutrality) ภายในปี 2050 และการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero emission) ภายในปี ค.ศ. 2065 

กฎหมายระดับรองป่าชุมชนบังคับใช้แล้วจำนวน 23 ฉบับ

รองนายกรัฐมนตรีกล่าวเพิ่มว่าที่ประชุมได้รับทราบความคืบหน้าในการออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน ซึ่งมีผลบังคับใช้แล้วจำนวน 23 ฉบับ จากทั้งหมด 29 ฉบับ และได้พิจารณาให้ความเห็นชอบบัญชีรายชื่อผู้ทรงคุณวุฒิในคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด จำนวน 27 จังหวัด รวม 299 คน พร้อมทั้งพิจารณาออกกฎหมายอนุบัญญัติป่าชุมชน จำนวน 2 ฉบับ ซึ่งเป็นอนุบัญญัติที่เกี่ยวข้องกับการจัดตั้งป่าชุมชนในพื้นที่อื่นของรัฐ และการใช้ประโยชน์จากไม้ในป่าชุมชน เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นเพื่อช่วยเหลือราษฎรเป็นกรณีพิเศษ

สามารถนำพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์จัดตั้งเป็นป่าชุมชนได้

ทั้งนี้หลังจากที่อนุบัญญัติเหล่านี้ได้ประกาศใช้แล้ว จะทำให้ชุมชนสามารถนำพื้นที่ป่านอกเขตป่าอนุรักษ์ที่อยู่ในพื้นที่อื่นของรัฐมาจัดตั้งเป็นป่าชุมชนได้ และสามารถร่วมกับรัฐในการอนุรักษ์ ฟื้นฟูจัดการ บำรุงรักษาและใช้ประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติในป่าชุมชนได้ตามที่กฎหมายป่าชุมชนกำหนด อันจะนำไปสู่การเพิ่มรายได้ และลดรายจ่ายให้ครัวเรือน ตลอดจนการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนโดยใช้ฐานทรัพยากรธรรมชาติในท้องถิ่นและจะเป็นการช่วยเพิ่มพื้นที่ป่าและพื้นที่สีเขียวให้กับประเทศไทย

นอกจากนี้ คณะกรรมการจัดการป่าชุมชนและสมาชิกป่าชุมชน จะสามารถขอใช้ประโยชน์จากไม้ที่เกิดขึ้นตามธรรมชาติในป่าชุมชนภายใต้หลักเกณฑ์ข้อตกลงซึ่งได้รับความเห็นชอบจากคณะกรรมการจัดการป่าชุมชน และได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการป่าชุมชนประจำจังหวัด ทั้งนี้ เพื่อบรรเทาความเดือดร้อนเสียหายอันเนื่องมาจากประสบเหตุภัยพิบัติสาธารณะหรือมีเหตุจำเป็นได้พร้อมทั้งมอบหมายให้กรมป่าไม้และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งดำเนินการสร้างความรู้ความเข้าใจให้ผู้ที่เกี่ยวข้องและพี่น้องประชาชนทราบต่อไป

ทำเนียบรัฐบาล

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : “ประเสริฐ” เห็นด้วยแนวคิดฝ่ายค้าน เสนอให้แบงก์ชาติสั่งแบงค์.พาณิชย์ร่วมรับผิดชอบ กรณีมิจฉาชีพดูดเงินจากบัญชีเหยื่อ