

ครม.เคาะสองมาตรการทางการคลังหนุนจีดีพีปี 2568 นายกฯตั้งเป้าให้ขยายตัวเกิน 3% เผยเห็นชอบโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจแจกเงินหมื่นบาทให้ผู้สูงอายุในเดือนม.ค. 2568 รวมเม็ดเงิน40,000 ล้านบาท พร้อมอนุมัตินำค่าใช้จ่าย 50,000 บาท ไปลดหย่อนภาษีผ่านมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 เริ่ม 16 ม.ค.-28 ก.พ.68 จุลพันธ์ ชี้เมื่อรวมกับมาตรการแจกชาวนาอีก 35,000 ล้านบาท เป็นของขวัญปีใหม่ที่ช่วยเงินสะพัด 150,000 ล้านบาท
เมื่อเวลา 12.45 น. วันที่ 24 ธ.ค. ที่ทำเนียบรัฐบาล น.ส.แพทองธารชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงภายหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.) ว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ เพื่อบรรเทาภาระค่าครองชีพของผู้สูงอายุให้มีโอกาสเข้าถึงการใช้จ่ายที่จำเป็น โดยการยกระดับคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือผู้ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันทางรัฐที่มีสัญชาติไทย และมีอายุ 60 ปีขึ้นไป จะจ่ายเงินกับกลุ่มเป้าหมายจำนวน 10,000 บาทต่อคน โดยให้เร่งจ่ายเงินครั้งแรกในเดือนม.ค. 2568 ผ่านบัญชีพร้อมเพย์ ส่วนเฟสต่อไปจะเดำเนินการในช่วงไตรมาสสองของปี2568
ขณะเดียวกัน ครม.เห็นชอบตามที่กระทรวงการคลังเสนอมาตรการ Easy E-Receipt 2.0 เพื่อเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจภายในประเทศปี 2568 ผ่านการส่งเสริมการบริโภคสินค้าและบริการ โดยผู้ที่ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีเป็นผู้ที่มีหน้าที่เสียภาษีเงินได้บุคคลธรรมดาและสามารถหักลดหย่อนค่าซื้อสินค้าหรือค่าบริการได้สูงสุดรวม 50,000 บาท
ฝากงานให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลัง
นายกรัฐมนตรี กล่าวด้วยว่า ตั้งแต่รัฐบาลเข้ามาทำงานที่มีนโยบายต่างๆสำหรับกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อให้ภาคธุรกิจและประชาชนมีความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยในปี 2568 งบประมาณจะเพิ่มขึ้น และมีการขาดดุลการคลังที่ลดลง ถือเป็นแนวโน้มที่ดี แต่ตัวเลขประมาณการเศรษฐกิจหลายตัวที่ต้องมีการเร่งรัดเพื่อให้เกิดการแข่งขันที่เพิ่มมากขึ้นจึงได้ฝากข้อสังเกตให้คณะกรรมการนโยบายการเงินการคลังของรัฐและกระทรวงการคลังดำเนินการดังต่อไปนี้
1.ให้กระทรวงการคลังเพิ่มประสิทธิภาพในการจัดเก็บรายได้ให้เหมาะสมสอดคล้องกับประเทศที่มีระดับรายได้ใกล้เคียงกัน
2.ให้หน่วยงานที่รับงบฯเพิ่มประสิทธิภาพการใช้จ่ายงบประมาณให้มีความคุ้มค่า ประหยัดและเกิดประโยชน์สูงสุดกับประชาชน
3.หน่วยรับงบฯนำเงินนอกงบประมาณเงินรายได้หรือเงินที่สะสมมาใช้ดำเนินการภารกิจเป็นลำดับแรก
4.เร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนรัฐวิสาหกิจและสนับสนุนให้รัฐวิสาหกิจลงทุนในการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน
ตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568ให้เกิน 3%
ผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า นายกฯตั้งเป้าหมายการขยายตัวทางเศรษฐกิจในปี 2568 เท่าใด นายกฯ ได้หันไปถามนายพิชัย ชุณหวชิร รมว.คลัง ก่อนตอบผู้สื่อข่าวว่า ตั้งเป้าให้เกิน 3% อยู่แล้ว ซึ่งในแต่ละไตรมาสเราก็ดันสุดอยู่แล้ว เมื่อถามว่า เป้าหมายหวังจะเป็นไปตามที่ นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พูดไว้อยากได้จีดีพีประเทศ 4-5% หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า จริงๆแล้วเป้าหมายที่สูง ไม่ว่าใครจะพูดเราอยากไปถึงตรงนั้นอยู่แล้ว
ด้านนายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง กล่าวว่า โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ทางครม.ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆทั้งสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) สพร. หรือดีจีเอ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กระทรวงการคลังกระทรวงมหาดไทย เข้าไปดูรายละเอียดในการดำเนินการสำหรับกลุ่มที่ผ่านเกณฑ์การรับเงินจะต้องไม่ขัดต่อเงื่อนไขที่กำหนดไว้ยืนยันว่าจะสามารถแจกเงินได้ก่อนตรุษจีนปี 2568 ซึ่งจะพยายามให้เร็วกว่านั้น ขณะที่แจกเงินในกลุ่มอื่นๆ เช่นกลุ่มที่ไม่มีโทรศัพท์มือถือจะดำเนินการต่อไปหลังปีใหม่ ซึ่งจะกำหนดวันอีกครั้งภายหลังมีการประชุมหารือที่กระทรวงการคลัง
3 โครงการทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท
“โครงการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านผู้สูงอายุ ด้วยการแจกเงินสด10,000 บาท ถือเป็นหนึ่งในของขวัญปีใหม่ให้กับประชาชน ใช้เงิน40,000 ล้านบาท และอีกโครงการคือโครงการ Easy E-Receipt 2.0 จะกระตุ้นให้เกิดการใช้จ่าย 70,000 ล้านบาท และก่อนหน้านี้รัฐบาลได้มอบของขวัญปีใหม่ให้ประชาชนไปก่อนแล้วคือการช่วยปัจจัยการผลิตให้กับชาวนา ผ่านโครงการไร่ละ 1,000 บาท วงเงินรวม 35,000 ล้านบาท รวม 3 ส่วนนี้จะทำให้มีเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจ 150,000 ล้านบาท” นายจุลพันธ์ กล่าว
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า โครงการ Easy E-Receipt 2.0 สามารถนำค่าใช้จ่ายไปลดหย่อนภาษีได้ไม่เกิน 50,000 บาทต่อราย แยกเป็น30,000 บาท สำหรับซื้อสินค้าและบริการทั่วไป แต่ไม่รวมสินค้าท่องเที่ยว โรงแรมที่พัก และโฮมสเตย์ ซึ่งกระทรวงการคลังจะหารือกับกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเพื่อหามาตรการอื่นต่อไปยังมีเวลาเพราะตอนนี้เป็นไฮซีซั่นอยู่ ส่วนอีก 20,000 บาทต่อรายเพื่อใช้จ่ายกับวิสาหกิจชุชน และโอทอปที่ผ่านการลงทะเบียน เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ โดยจะเริ่มลดหย่อนภาษีได้ตั้งแต่วันที่ 16 ม.ค. –28 ก.พ. 2568
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ครม. ไฟเขียว เงินหมื่นเฟสสอง สำหรับผู้สูงอายุ เป็นของขวัญปีใหม่ จ่ายตามไทม์ไลน์เดิมไม่เกิน ม.ค.68