“CAAS-JCAB” นำสิงคโปร์-ญี่ปุ่น พลิกโฉมอุตฯบินเอเชีย ชู 4 ความร่วมมือใหม่ ดึงชาติอื่นเข้าสู่การบิน Green Lane



  • CAAS สิงคโปร์ ผนึก JCAB ญี่ปุ่น จับมือพลิกโฉมการบินเอเชียหลังโควิด เปิดโมเดลใหม่เชื่อมโยงเที่ยวบินกับเครือข่ายเมืองปลายทาง
  • เปิดข้อตกลงความร่วมมือ 4 เรื่อง ขับเคลื่อน ATM โชว์โปรเจกต์ต้นแบบ Aviation Green Lane
  • ญี่ปุ่นประกาศปี’73 แอร์ไลน์สที่ใช้สนามบินขึ้นลงต้องใช้น้ำมัน SAF ให้ได้ 10%

นายฮัน ก๊ก ยวน ผู้อำนวยการใหญ่ สำนักงานการบินพลเรือนแห่งสิงคโปร์ (CAAS :Civil Aviation Authority of Singaporeฆ และ นายโอนูมะ โตชิยูกิ รองผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส สำนักงานการบินพลเรือนแห่งญ่ปุ่น (JCAB :Japan Civil Aviation Bureau) ร่วมกันเปิดเผยว่า ในการประชุม “Singapore-Japan Dialogue on Aviation Collaboration” ครั้งที่ 2 ของทั้งสององค์กร ได้กำหนดทิศทางเดินหน้าปรับปรุงการเชื่อมต่อเที่ยวบินด้านการจราจรทางอากาศระหว่างสิงคโปร์กับญี่ปุ่นให้แข็งแกร่งเพิ่มขึ้นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง ต่อเนื่องจากกรอบยุทธศาสตร์ระดับสูงของ CAAS กับ JCAB ที่ได้ทำร่วมกันไว้เมื่อเดือนธันวาคม 2565 เพื่อเป็นผู้เล่นหลัก ที่พร้อมนำภูมิภาคเอเชีย แปซิฟิก จะเร่งขับเคลื่อนความร่วมมือใหม่ 4 เรื่องหลัก ประกอบด้วย

เรื่องที่ 1 นำร่องอำนวยความสะดวกเชื่อมโยงเที่ยวบินสู่เมืองต่าง ๆ เริ่มต้นจากการกลับมาบินตรงแบบประจำไป-กลับ ระหว่าง สิงคโปร์-โอกินาวา (ญี่ปุ่น) เริ่มตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน 2566 ก่อนจะเป็นช่วงวันหยุดสิ้นปี ซึ่งปัจจุบันมีเที่ยวบินอยู่แล้ว 4 เมืองหลักสู่ โตเกียว นาโกย่า ฟูกูโอกะ ซับโปโร ตั้งแต่กรกฎาคม 2566 ทั้งสิงคโปร์และญี่ปุ่นได้รับความร่วมมือจาก 6 สายการบิน ฟื้นฟูจำนวนเที่ยวบินกลับสู่ปกติ 122 เที่ยว/สัปดาห์ ทำได้แล้วกว่า 65% ของปี 2562 และภายในเดือนธันวาคมปีนี้จะทำให้มีเที่ยวบินเชื่อมโยงระหว่างเมืองเพิ่มขึ้นอีก 50%

เรื่องที่ 2 ริเริ่มด้านอุตสาหกรรมการบินสีเขียว หรือ Green Aviation Initiatives ทั้ง CAAS และ JCAB พร้อมจับมือกันเดินหน้านโยบายและแผนส่งเสริมการบินอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิดทำโครงการต้นแบบ “เลนการบินสีเขียว-Aviation Green Lane” ภายใต้ 3 องค์ประกอบสำคัญ ได้แก่ 1.ปฏิบัติการของสายการบิน และสนามบินนานาชาติของทั้งสองประเทศ 2.กระบวนการบริหารจัดการปริมาณจราจรทางอากาศ (ATM -Air traffic Management) ซึ่งสามารถนำไปใช้ในวงกว้างโดยเครือข่ายองค์กรที่ 3 ซึ่งเกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรมการบินอื่น ๆ 3.เตรียมเสนอแนวคิดเพื่อหารือความเหมาะสมในเร็ว ๆ นี้กับเวทีระดับนานาชาติ

เรื่องที่ 3 สร้างวัฒนธรรมความปลอดภัยทางการบินเชิงบวกอย่างแข็งแกร่ง โดยจะใช้การบริหารจัดการปริมาณจราจรทางอากาศนำโครงการการบินสีเขียวไปให้กับทุกคน นำร่องจากเที่ยวบินระหว่างสิงคโปร์ ไปยัง “กรุงโตเกียว” จะทำการบินขึ้นไต่ระดับขึ้นและลงต่อเนื่องโดยการกำหนดระดับการบินให้เหมาะสมที่สุด ซึ่งจะช่วยประหยัดเชื้อเพลิง ลดการปล่อยคาร์บอน และลดเวลาการบิน ซึ่ง CAAS และ JCAB ทำสำเร็จมาแล้ว 1 เดือน เริ่มทำเมื่อเดือนมิถุนายน2566 โดยใช้รูปแบบบริหารจัดการปริมาณจราจรทางอากาศให้บริการผู้โดยสารหนึ่งรายต่อวัน

หลังจากนี้เป็นต้นไปทั้ง CAAS และ JCAB จะทำงานร่วมกันเพื่อนำโมเดลต้นแบบดังล่าวขยายไปยังอีกหลายภูมิภาคตามรูปแบบปฏิบัติการวงโคจรเส้นทางการบิน (TBO : trajectory-based Operation) ซึ่งเป็นมากกว่าเพียงแค่ผู้ให้บริการการเดินอากาศ (ANSPs :Air Navigation Service Providers) มีข้อพิสูจน์แล้วจากการปฏิบัติงานของANSPs ของ CAAS กับ JCAB เมื่อเดือนมิถุนายนที่ผ่านมาได้ทำโครงการ TBO สาธิตโดยโบอิ้งร่วมสนับสนุนทดสอบเที่ยวให้บริการตามวงโคจรตามเส้นทางบินเชื่อมโยงครั้งแรกของโลกร่วมกัน 4 ประเทศ ได้แก่ สิงคโปร์ ญี่ปุ่นไทย สหรัฐอเมริกา สร้างความสำเร็จเรื่องทำให้ผู้ใช้น่านฟ้าทุกรายสร้างประโยชน์สำคัญทางการบินที่ดีขึ้น พร้อมกับลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ออกสู่ชั้นบรรยากาศได้อย่างประสิทธิภาพด้วย

โดยได้เลือกใช้น้ำมันเชื้อเพลิงการบินอย่างยั่งยืน หรือ SAF -Sustainable Aviation Fuel เป็นองค์ประกอบสำคัญทำให้บรรลุความเป็นกลางทางคาร์บอนทางการบิน ซึ่งทั้งสองหน่วยงานเห็นพ้องต้องกันจะต้องวางแผนผลิตและจัดหาน้ำมันดังกล่าวให้มีเพียงพอใช้งนในอนาคตด้วยราคาที่สามารถแข่งขันได้ในเอเชียภูมิภาคแปซิฟิก

ทาง JCAB ยืนยันเป้าหมายภายในปี 2573 สายการบินต่าง ๆ ที่ขึ้นลงในญี่ปุ่นจะต้องใช้น้ำมัน SAF 10 % เข้ามาใช้แทนน้ำมันแบบปัจจุบัน ส่วน CAAS ระบุวางแผนระยะกลางและระยะยาวเพื่อนำน้ำมัน SAF เข้ามาพัฒนาตามแผนแม่บทของสิงคโปร์ที่จะเดินหน้าสร้างศูนย์กลางอากาศที่ยั่งยืน

เรื่องที่ 4 นำเทคโนโลยีสมัยใหม่เข้ามาใช้ให้เกิดประโยชน์ลดอุปสรรคการขาดแคลนกำลังคนเร่งเพิ่มผลผลิตทางการบินให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดย CAAS และ JCAB เข้าใจถึงความสำคัญเรื่องการส่งเสริมความเข้มแข็งและวัฒนธรรมความปลอดภัยเชิงบวกระหว่างบริษัทการบินกับพนักงานเพื่อสร้างความมั่นใจในการบินอย่างเต็มประสิทธิภาพหลังสถานการณ์โควิด-19 ทั้ง 2 สถาบันการบินตกลงจะอำนวยความสะดวกแลกเปลี่ยนและแบ่งปันแนวทางปฏิบัติที่ดีที่สุดทางการบินร่วมกัน โดย CAAS จะนำคณะผู้แทนไตรภาคีของสิงคโปร์ ซึ่งประกอบด้วย ตัวแทนระดับสูงของรัฐบาล สหภาพแรงงาน และบริษัท เดินทางไปยังญี่ปุ่นเพื่อสำรวจเรียนรู้วัฒนธรรมความปลอดภัยโดยCAAS ได้จ้างทำสำรวจแล้วผลจะออกมาช่วงปลายเดือนกันยายน 2566

เนื่องจาก CAAS และ JCAB ยังตระหนักถึงความสำคัญที่จะใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีเพื่อเอาชนะปัญหาการขาดแคลนกำลังคน เพิ่มผลิตภาพ และจัดการกับความท้าทายของบุคลากรด้านการบินมีอายุมากขึ้น รวมถึงการผสมผสานโซลูชั่นความเป็นมิตรต่อพนักงานและถูกหลักสรีรศาสตร์

นายฮัน ก๊ก ยวน ผู้อำนวยการใหญ่ของ CAAS กล่าวว่า “นับตั้งแต่การลงนามในข้อตกลงกรอบยุทธศาสตร์ที่สำคัญเมื่อเดือนธันวาคม 2565 ตลอด 7 เดือนที่ผ่านมาทั้ง CAAS และ JCAB ทำงานมีความก้าวหน้าที่ดีเรื่องยกระดับความร่วมมือด้านการบินพลเรือน เป็นข้อพิสูจน์ของสิงคโปร์และญี่ปุ่น ถึงความสัมพันธ์อันแข็งแกร่งทางเศรษฐกิจ และประชาชน ต่อเนื่องถึงความสนใจร่วมกันขยายยุทธศาสตร์เชื่อมโยงทางอากาศ และทำให้การบินมีความปลอดภัยและยั่งยืนมากขึ้น โดยใช้ ATM หรือแผนบริหารจัดการจราจรทางอากาศ ผ่านโครงการ Green Aviation Lane ซึ่งมีความสำคัญอย่างยิ่งเป็นมาตรการที่จับต้องและนำไปใช้งานได้ทันที โดยแปลงไปสู่แผนประหยัดเชื้อเพลิงและลดการปล่อยคาร์บอน รวมถึงสามารถปรับขยายให้ครอบคลุมเที่ยวบินมากขึ้น ทำหน้าที่เป็นผู้เบิกทางให้ประเทศต่างๆ นำไปใช้ในวงกว้างมากขึ้นต่อไป

นายโอนูมะ โตชิยูกิ Mr Onuma รองผู้อำนวยการใหญ่อาวุโส JCAB กล่าวว่า เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นถึงความร่วมมือระหว่างญี่ปุ่นกับสิงคโปร์มีความสัมพันธ์อันแน่นแฟ้นในการสร้างความก้าวหน้าจับต้องได้ด้วยการทำงานอย่างเป็นขั้นตอน นับตั้งแต่การประชุมครั้งแรกเมื่อเดือนธันวาคม 2566 โดยตระหนักถึงการฟื้นตัวอย่างมั่นคงของการจราจรระหว่าง 2 ประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง JCAB และ CAAS ได้สำรวจเพิ่มเติมทำให้แนวคิดโครงการ Green Lane ในการประชุมครั้งนี้เข้าใจอย่างลึกซึ้งยิ่งขึ้น ถือเป็นความก้าวหน้าสำคัญและหวังให้แนวคิดนี้เป็นจริงในเวทีระหว่างประเทศอย่างเหมาะสม

แล้วในไม่ช้านี้แนวทางปฏิบัติดังกล่าวจะไม่ได้จำกัดการใช้งานอยู่เฉพาะระหว่างญี่ปุ่นและสิงคโปร์เท่านั้น แต่ยังรวมไปถึงประเทศอื่น ๆ ที่มีแนวคิดเหมือนกันที่จะนำไปสู่การปฏิบัติในอนาคตอย่างเป็นวงกว้างทั่วโลกต่อไป

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen