“BM” เผยกำไร 9 เดือนแรก ปี 64 พุ่ง 82.91% ลั่นเพราะบริหารจัดการต้นทุน-ค่าใช้จ่ายดี ชี้ปัจจัยเปิดประเทศ-คลายล็อกดาวน์ ส่งผลบวก



  • เผยงวดไตรมาส 3/64 กำไรเติบโต 7.66% รับอานิสงส์คลายล็อกดาวน์ 
  • คาดไตรมาสสุดท้ายรายได้-กำไร ทำสถิติสูงสุดใหม่อีกครั้ง
  • รับช่วงโควิดระบาดหนัก-ปิดไซต์งานก่อสร้าง ส่งผลให้ชะลองานในบางส่วนออกไปมาก

นายธานิน สัจจะบริบูรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บางกอกชีทเม็ททัล จำกัด (มหาชน) หรือ BM เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานในงวด 9  เดือนแรก (ม.ค.-ก.ย.) ของปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย.2564 ว่า บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ71.59 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 32.45 ล้านบาท หรือ 82.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน และมีรายได้รวม  809.29 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 132.01 ล้านบาท หรือ 19.49% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันปีก่อน 

สำหรับผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 ปี 2564 สิ้นสุดวันที่ 30 ก.ย. 2564 บริษัทฯ มีกำไรสุทธิ 34.15  ล้านบาทเพิ่มขึ้น 2.43 ล้านบาท หรือ 7.66% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้รวม 242.66 ล้านบาท ลดลง25.86 ล้านบาท หรือ 9.63% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ระลอกใหม่ ส่งผลต่อการดำเนินงานของบริษัทฯ ทำให้มีการชะลองานในบางส่วนออกไป โดยกระทบต่อรายได้ของบริษัทฯ แต่เนื่องจากบริษัทฯ มีการบริหารจัดการต้นทุนวัตถุดิบและการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพจึงยังสามารถทำกำไรในไตรมาส 3 นี้ไว้ได้ 

นายธานิน กล่าวต่อว่า สำหรับรายได้หลักจากการขายและบริการที่ลดลง เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน สาเหตุมาจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่มีการปิดไซต์งานก่อสร้างตามมาตรการการควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด-19 ของรัฐ ที่ประกาศบังคับใช้ในช่วงไตรมาส 3 ที่ผ่านมา ส่งผลให้เกิดการชะลอการส่งงานให้กับลูกค้าโดยงานที่ชะลอออกไปนั้น เริ่มทยอยส่งงานได้อย่างต่อเนื่อในไตรมาส 4 ของปีนี้ ส่งผลให้ยอดขายของบริษัทฯ มีแนวโน้มเพิ่มสูงขึ้น ถึงแม้ว่ารายได้ของบริษัทฯ จะปรับตัวลดลง แต่ด้วยบริษัทฯ มีกระบวนการบริหารจัดการต้นทุนของวัตถุดิบที่ดี โดยปรับราคาสินค้าตามภาวะตลาด รวมถึงความสามารถในการจัดการค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการผลิตได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น ทำให้ต้นทุนการขายและบริการในไตรมาสนี้ อยู่ที่ 177.38 ล้านบาท ลดลง 33.60 ล้านบาทหรือ 15.93% ส่งผลให้มีอัตรากำไรสุทธิเพิ่มขึ้นจาก 11.81% เป็น 13.61% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า

“จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ในไตรมาสที่ผ่านมา ส่งผลกระทบให้ลูกค้าในกลุ่มรับเหมาปิดไซต์งานก่อสร้างตามมาตรการของภาครัฐ จึงทำให้มีการชะลอการเรียกงาน โดยหลังจากการคลายล็อคดาวน์ของภาครัฐ จะทำให้ในไตรมาส 4 นี้ บริษัทฯจะสามารถทำรายได้เพิ่มขึ้นจากส่งสินค้าที่ชะลอไป ประกอบการที่บริษัทฯสามารถบริหารจัดการต้นทุนราคาสินค้าได้อย่างมีประสิทธิภาพ คาดว่าทั้งปียังรักษาระดับการเติบโตได้ตามเป้าที่วางไว้ ” นายธานิน กล่าว 

นายธานิน กล่าวด้วยว่า ทิศทางการดำเนินงานในช่วงที่เหลือของปีนี้ BM ยังคงมุ่ง ผู้ผลิตและจำหน่ายสินค้าแปรรูปผลิตภัณฑ์เหล็ก รวมถึงผลิตภัณฑ์ขึ้นรูปอื่นๆ จากโลหะ ตามความต้องการของลูกค้า โดยเฉพาะการผลิตและจำหน่ายรถตุ๊กตุ๊กไฟฟ้า ที่ใช้บรรทุกส่วนบุคคลและใช้บรรทุกสิ่งของ ที่มีลูกค้าสนใจสั่งซื้อล่วงหน้ารอไว้แล้วบางส่วน โดยเตรียมเปิดตัวอย่างเป็นทางการเร็วๆนี้ ซึ่งจะส่งผลให้รายได้ของบริษัทฯ เพิ่มขึ้นอีกช่องทางหนึ่ง 

นอกจากนี้ประกอบกับบริษัทฯ ได้รับปัจจัยสนับสนุนจากการเร่งลงทุนโครงการต่างๆ ของภาครัฐ จากมาตรการคลายล็อกดาวน์ และนโยบายเปิดประเทศ นับเป็นผลดีต่อบริษัทฯในช่วงไฮซีซั่นของธุรกิจ เนื่องจากมีการทยอยส่งมอบงานเป็นจำนวนมากให้กับลูกค้าทั้งภาครัฐและเอกชนในช่วงปลายปีนี้และต่อเนื่องไปถึงปี 2565 จึงคาดว่าผลประกอบการในช่วงไตรมาส 4 ปีนี้ จะเป็นช่วงที่ดีที่สุดของปี และมั่นใจว่าผลประกอบการตลอดทั้งปี 2564 จะเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งเอาไว้