AWCปี’66ทำกำไร5นิวไฮ-ปี67ทุ่ม1.9หมื่นล้านเปิด18โครงการ

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน)


AWC โชว์ปี’66 นำธุรกิจโรงแรม บริการ อสังหาฯ ทำนิวไฮ 5 ด้าน กำไรสุทธิโตก้าวกระโดด 5,105 ล้านบาท ธุรกิจBU EBITDA โกยกำไร 10,639 ล้าน

  • AWC ปี’66 โกยรายได้ 19,011 ล้านบาท แซงก่อนปี62ก่อนโควิดแล้ว
  • ปี’67 สร้างพอร์ตทรัพย์สิน 3.6 หมื่นล้าน ทุ่มลงทุน 1.9 หมื่นล้าน เปิดใหม่ 18 โปรเจกต์
  • ลุยขยายโครงการใหม่ กรุงเทพฯ 2 โรงแรม เชียงใหม่ดันเมกะโปรเจกต์ล้านนาทีค

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่าผลการดำเนินงานปี66 บริษัทฯ ทำรายได้รวม 19,011 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30.9% ดีกว่าก่อนโควิดปี62 เปรียบเทียบปี66 กับช่วงเดียวกันกับปี65 แล้วสามารถทำนิวไฮสูงสุด 5 ด้าน ประกอบด้วย 1.กำไรสุทธิเติบโตก้าวกระโดดถึง 5,105 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.2 % 2. มีกำไรจากการดำเนินงานกลุ่มธุรกิจ (BU EBITDA) 10,639 ล้านบาท ตามงบการเงินซึ่งรวมมูลค่ายุติธรรม เพิ่มขึ้น 26.6 % ยังสามารถรักษากำไรจากการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจเติบโตสม่ำเสมอตามงบการเงินเฉลี่ยย้อนหลัง 4 ปี ระหว่างปี 63-66 ทำไว้ปีละ74 % สามารถบริหารจัดการต้นทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและมีกลยุทธ์การลงทุนหลากหลายสร้างสมดุลเชิงธุรกิจกลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการทำผลงานได้อย่างโดดเด่น

3. รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) เติบโตสูงสุด 3,658 บาท เพิ่มขึ้น 54.8 4. มีรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) 5,661 บาท/คืน เพิ่มขึ้น 17.4 % 5. ปี66 บริษัทฯ สร้างทรัพย์สินเติบโตมูลค่ารวมกว่า 20,000 ล้านบาท ประกอบด้วย ทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ประมาณ 6,000 ล้านบาท และโครงการลงทุนที่ได้รับอนุมัติ 14,000 ล้านบาท เป็นทรัพย์สินดำเนินงานใหม่ 9 โครงการ คือ โรงแรม 3 แห่ง ห้องอาหาร 6 แห่ง ช่วยสร้างกระแสเงินสดและเพิ่มศักยภาพสร้างกำไรดำเนินงานอย่างยั่งยืน จึงตั้งเป้าภายใน 5 ปี จะเพิ่มมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินเติบโตมากขึ้นกว่าเดิม 2 เท่า ตามแผนจะใช้งบลงทุนกว่า 126,000 ล้านบาท

นางวัลลภา กล่าวว่า ปี66 AWC ได้นำ “กลุ่มธุรกิจโรงแรมและบริการ” มีผลการดำเนินงานยอดเยี่ยมเติบโตทุกกลุ่มอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะโรงแรมรีสอร์ทลักชัวรี่ในและนอกพื้นที่กรุงเทพฯ มีนักท่องเที่ยวตลาดต่างประเทศเข้าไทยเพิ่มขึ้นเป็นกลุ่มคุณภาพเดินทางอิสระ (FIT : Free Individual Traveler) ใช้จ่ายเงินท่องเที่ยวสูงทำให้โรงแรมเครือ AWC สร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก และรายได้เฉลี่ยต่อวัน (Average Daily Rate: ADR) ติดนิวไฮ โดยมีอัตราการเข้าพักเฉลี่ย เติบโต 64.6 % ทำดัชนีรายได้ (Revenue Generation Index หรือ RGI) ภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น รร.คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 213.5 รร.แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ188.7 รร.บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI เท่ากับ 146.4

“AWC มุ่งพัฒนา ปรับปรุง เพิ่มศักยภาพให้ทรัพย์สินมีคุณภาพต่อเนื่อง เน้นเปิดเพิ่มทั้งโรงแรมและห้องอาหารชั้นนำระดับโลกในกรุงเทพฯ และเชียงใหม่ เช่น เปิดโรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง โฮเทล เป็นลักซ์ชูรีภายใต้แบรนด์อินเตอร์คอนติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ การเปิดโรงแรม เชียงใหม่ แมริออท โฮเทล ระดับพรีเมี่ยมใหญ่ที่สุดรองรับลูกค้าMICE โรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท แห่งแรกในไทย”

ส่วนการเปิดห้องอาหาร ก็มี 1.เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์ 2.เดอะ สยาม ที รูมท์ 3.เอเชียทีค แอนเชี่ยนท์ ที เฮ้าส์ 4.คิสซึอิเซน 5.เย่ว เรสเทอรองท์ แอนด์ บาร์ 6.ร้าน Cafe Pittore รวมถึงเข้าซื้อหุ้นกิจการโรงแรมพลาซ่า แอทธินี นิวยอร์ก เตรียมพัฒนาเป็นระดับลักซ์ชูรี ไปพร้อมกับนำพลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา นิวยอร์กเชื่อมจุดขายกับโรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ในไทย สิ้นปี66 AWC มีโรงแรมทั้งหมด 22 โรงแรม 6,029 ห้อง และห้องอาหาร อีกหลากหลายแห่งในโรงแรมและจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวในประเทศไทย

ขณะที่ “กลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์” ได้เสริมศักยภาพเพิ่มกลยุทธ์การตลาดให้ศูนย์การค้าในเครือ เช่น ทำกิจกรรมระดับโลก Disney100 Village at Asiatique เพื่อดึงผู้เช่าและลูกค้าให้เข้ามาใช้บริการ ส่งผลให้มีจำนวนผู้ใช้บริการกลับเข้ามาใช้จ่ายเงินมากขึ้น ส่วนธุรกิจอาคารสำนักงานก็ปรับโฉมให้สอดคล้องกับเทรนด์ลูกค้าด้วยการเปิด “The Empire Residence” พื้นที่ Co-Living Space กว่า 1,500 ตร.ม. ในอาคาร “เอ็มไพร์” พร้อมร่วมลงนามกับ 3 เชฟมิชลินสตาร์ระดับโลก 3 ห้องอาหาร ที่ “EA CHEF’S TABLE” ชั้น 56 ในฐานะส่วนหนึ่งของ EA Rooftop at the Empire ทำให้ไทยเป็นจุดหมายปลายทางท่องเที่ยวในตลาดโลก

นางวัลลภา กล่าว่าล่าสุด AWC ทำตามแผนลงทุนปี67 สร้างเติบโตของทรัพย์สินผ่าน 3 โครงการใหญ่ โดยคณะกรรมการบริษัทเห็นชอบให้นำเสนอต่อที่ประชุมผู้ถือหุ้นพิจารณาอนุมัติลงทุนอสังหาริมทรัพย์คุณภาพบนพื้นที่ระดับไพรม์โลเคชั่นท่องเที่ยวสำคัญปีนี้ลงทุนมูลค่ารวมกว่า 36,000 ล้านบาท 2 พื้นที่หลัก ได้แก่ พื้นที่แรกกรุงเทพฯ มี 2 โครงการ ได้แก่ 1 โอพี การ์เด้น ย่านบางรัก เพื่อเชื่อมกับแฟลกชิป โรงแรม เดอะ พลาซ่า แอทธินี โนบุ โฮเทล แอนด์ สปา แบงคอก ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ส่งเสริมท่องเที่ยวริมสายน้ำ คาดจะเปิดได้ไตรมาส 4 ปี70 และ 2.โรงแรมในพื้นที่ถนนสุขุมวิท 38 ย่านไลฟ์สไตล์เทรนดี้เน้นด้านเวลเนส จะเปิดไตรมาส 3 ปี71 พื้นที่ 2 จังหวัดเชียงใหม่เตรียมลงทุนเพิ่มในพื้นที่ช้างคลานใจกลางเมืองจะพัฒนาเป็นส่วนหนึ่งโครงการ Lannatique Destination เมกะโปรเจคอนาคตของบริษัทฯ เดินหน้าสร้างคุณค่าและสนับสนุนเชียงใหม่เป็นจุดหมายปลายทางด้านการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลก -เรื่องโดย เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน