นมอัลมอนด์ “137 ดีกรี®” เขย่าตลาดนม เจาะกลุ่มคนแพ้นมวัว-คุมน้ำตาล

นมอัลมอนด์ 137 ดีกรี® ประกาศรีแบรนด์ใหม่ ย้ำเป้าหมายแบรนด์นมอัลมอนด์สัญชาติไทยสู่ระดับโลก ดึง “ชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต” พรีเซ็นเตอร์คนแรกของแบรนด์

  • สร้างการรับรู้เพิ่ม และเสริมความแข็งแกร่ง
  • ขยายฐานลูกค้ากลุ่มใหม่ที่ใส่ใจสุขภาพในทุกมิติ
  • มุ่งสู่การเป็นแบรนด์นมอัลมอนด์ชั้นนำระดับโลก

นางสาวอริสา อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้จัดการและผู้ก่อตั้ง บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทฯได้เปิดตลาดนมอัลมอนด์ในไทยตั้งแต่ปี2558 ภายใต้แบรนด์ 137 ดีกรี® ตลอดระยะเวลา 9 ปี เรามีความมุ่งมั่นที่จะพัฒนาผลิตภัณฑ์และทำการตลาด เพื่อสร้างปรากฏการณ์ใหม่ ๆ ให้กับตลาดนมทางเลือกอย่างต่อเนื่อง ปัจจุบัน 137 ดีกรี® มีผลิตภัณฑ์หลากหลาย ทั้งกลุ่มนมอัลมอนด์ นมวอลนัท นมพิสตาชิโอ และนมแมคคาเดเมีย ถือว่าเป็นแบรนด์หนึ่งเดียวในไทยที่คั้นสดจากถั่วเต็มเมล็ดนำเข้า ไม่ใช้หัวเชื้อ หรือ Nut Paste นับว่าเป็นเครื่องดื่มสุขภาพบวกประโยชน์จากพืชที่อัดแน่นเต็มกล่อง เพื่อสร้างความแตกต่างตอบโจทย์กลุ่มลูกค้าเป้าหมาย ผู้แพ้นมวัว ผู้ต้องการควบคุมน้ำตาล คอเลสเตอรอล และผู้รับประทานอาหารวีแกนและเจ ส่งผลให้ 137 ดีกรี® ขึ้นแท่นผู้นำด้วยยอดขายอันดับหนึ่งของตลาดนมทางเลือกระดับพรีเมียมรายแรกของไทย

“ในโอกาสครบรอบ 9 ปี ถือเป็นความพิเศษรับปีมังกรทอง ด้วยการรีแบรนด์ปรับโฉมใหม่ เพื่อตอกย้ำความเป็นผู้นำในการผลิตและจำหน่ายนมทางเลือก พร้อมชูความหลากหลายของผลิตภัณฑ์เพื่อดึงกลุ่มผู้บริโภคที่ดื่มนมวัวหรือนมทางเลือกชนิดอื่นๆ มาดื่มนมทางเลือก 137 ดีกรี® การตัดสินใจรีแบรนด์จึงเป็นเสมือนการรีเฟรชแบรนด์ สร้างการรับรู้แก่กลุ่มลูกค้าเดิม และขยายฐานไปยังลูกค้ากลุ่มใหม่ และอีกกลยุทธ์สำคัญของการรีแบรนด์ในครั้งนี้ คือการเลือกใช้พรีเซ็นเตอร์ที่จะช่วยให้แบรนด์ 137 ดีกรี® ได้รับการจดจำมากยิ่งขึ้น เราจึงเชิญ คุณชมพู่ อารยา เอ ฮาร์เก็ต มาเป็นพรีเซนเตอร์คนแรกของแบรนด์ ด้วยตัวคุณชมพู่เป็นคนที่ให้ความสำคัญ ใส่ใจในสุขภาพ และเป็นคนพิถีพิถันในการเลือกผลิตภัณฑ์สำหรับการบริโภค นอกจากนี้ยังมีฐานแฟนคลับจำนวนมาก สิ่งนี้น่าจะสร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคกลุ่มใหม่ๆ ได้มากขึ้น”

สำหรับนมอัลมอนด์เป็นนมทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากที่สุด มีคุณค่าสารอาหารพอ ๆ กับนมวัว ข้อมูลจากปี 2566 พบว่ามูลค่าตลาดนมอัลมอนด์ทั่วโลกมีมูลค่าสูงถึง 1.5 แสนล้านบาท ขณะที่ประเทศไทยตลาดนมจากถั่วและธัญพืชมีมูลค่ากว่า 1,399 ล้านบาท จากข้อมูลของ นีลเส็น (Nielsen) และ 137 Degrees คือผู้นำในตลาดนมอัลมอนด์ โดยซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ครองส่วนแบ่งการตลาดถึง 42% จากการสำรวจในปี2566 ปัจจุบันผลิตภัณฑ์กลุ่มนมอัลมอนด์ของบริษัทฯ มียอดขายรวมเป็นอันดับหนึ่ง ด้วยส่วนแบ่งการตลาดที่ 42% ของมูลค่าตลาดนมอัลมอนด์รวม และมีอัตราการเติบโตของตลาดอย่างต่อเนื่อง นอกจากนี้ 137 ดีกรี® ยังมุ่งเน้นเสิร์ฟความรู้ด้านสารอาหารจากนมถั่วเปลือกแข็ง ซึ่งเป็นนมที่ให้สารอาหารครบถ้วน อีกทั้งยังมีวิตามินหลายหลายชนิด ที่สำคัญกว่านั้นคือ ผู้ที่รับประทานคีโต สามารถดื่มได้ นั่นเพราะผลิตภัณฑ์ของ 137 ดีกรี® ไม่ได้ทำมาจากแป้งเฉกเช่นน้ำนมจากธัญพืชกลุ่มข้าว หรือข้าวโอ๊ต ซึ่งเป็นคาร์โบไฮเดรต ที่หากบริโภคเป็นประจำจะส่งผลให้น้ำตาลในเลือดสูงขึ้นได้

สู่การเป็นแบรนด์นมอัลมอนด์ระดับโลก

นายธนภูมิ อร่ามวัฒนานนท์ กรรมการผู้อำนวยการฝ่ายปฏิบัติการ บริษัท ซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ จำกัด กล่าวเพิ่มเติมว่า กระแสความนิยมการบริโภคอาหารเครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ ส่งผลให้ตลาดนมอัลมอนด์มีทิศทางการขยายตัว จึงไม่น่าแปลกใจหากเราจะเห็นผู้ประกอบการที่กระโดดเข้าร่วมในตลาดนี้มากขึ้น เพื่อแย่งชิงส่วนแบ่งการตลาด แน่นอนว่าเราเองต้องมองหากลยุทธ์ใหม่ ๆ เพื่อยืนหยัดการเป็นเบอร์หนึ่งของตลาด และมีเป้าหมายสู่การเป็นแบรนด์ผลิตภัณฑ์นมจากถั่วระดับโลก ด้วยการสร้างประสบการณ์ใหม่ให้แก่ผู้บริโภคที่ต้องการอาหารเพื่อสุขภาพ อาหารที่มีคุณค่าทางโภชนาการสูง ซึ่งแบรนด์ 137 ดีกรี® เป็นนมที่มีรสชาติดี ดื่มง่าย ดื่มได้ทุกคน ไม่จำกัดเฉพาะผู้ที่รักสุขภาพเท่านั้น

“สิ่งที่ทำให้เราสามารถยืนอยู่ในอันดับหนึ่งของตลาดนี้ได้ เพราะ5 จุดแข็งของแบรนด์ ได้แก่ 1. คุณภาพของผลิตภัณฑ์ 2. ผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายเพื่อตอบโจทย์ทุกไลฟ์สไตล์ของผู้บริโภค 3. การคั้นสดโดยไม่ใช้หัวเชื้อ 4. สารอาหารครบถ้วน หลากหลาย และสมดุล 5. รสชาติอร่อย ดื่มง่าย สำหรับผลิตภัณฑ์ของซิมเพิ้ล ฟู้ดส์ ภายใต้แบรนด์ 137 ดีกรี® มี 4 กลุ่ม ได้แก่ กลุ่มนมอัลมอนด์ คั้นสดจากอัลมอนด์เมล็ดเต็มนำเข้าจาก USA มี 9 สูตร กลุ่มนมวอลนัท มี 2 สูตร กลุ่มนมพิสตาชิโอ มี 2 สูตร และกลุ่มนมแมคคาเดเมีย มี 1 สูตร คั้นสดจากถั่วแมคคาเดเมียนำเข้าจากออสเตรเลีย เป็นแบรนด์แรกในประเทศไทย ซึ่งทั้งหมดวางจำหน่ายครอบคลุมทุกช่องทาง แบ่งเป็นช่องทางโมเดิร์นเทรด ร้านสะดวกซื้อ ร้านค้าแบบดั้งเดิม 80% และจำหน่ายในช่องทางออนไลน์ 20% นอกจากจำหน่ายในประเทศแล้ว ยังส่งออกมากกว่า 30 ประเทศทั่วโลก

“การได้รางวัล Superbrands Thailand’s Choice 2023 ซึ่งเป็นรางวัลคุณภาพมาตรฐานระดับโลก ทำให้เรายิ่งต้องรักษามาตรฐานในทุกมิติ ทั้งการให้ความสำคัญกับเรื่อง คุณภาพเราได้รับการันตี ด้านโภชนาการโดยสัญลักษณ์ทางเลือกเพื่อสุขภาพ ทั้งยังผลิตด้วยกรรมวิธีที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมโดยได้รับการรับรองเป็นโรงงานสีเขียว จากกระทรวงอุตสาหกรรม และการบรรจุที่ได้มาตรฐานระดับสากล เพราะการขึ้นมายืนในตำแหน่งเบอร์หนึ่งนั้นไม่ง่าย แต่การยืนระยะในฐานะผู้นำนั้นยากกว่า เรามั่นใจว่าด้วยแนวนโยบายที่เรายึดมั่นและปฏิบัติ รวมถึงกลยุทธ์ทางการตลาดที่เลือกใช้ จะทำให้เราก้าวไปสู่เป้าหมายได้อย่างแน่นอน”