“Borderless Creativity” เทรนด์ความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้เส้นแบ่ง

  • พันธกิจจาก 3 แม่ทัพใหม่ “โอกิลวี่”
  • สร้าง “อิมแพค” เพื่อการสื่อสารอันทรงพลัง
  • จุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้คน

น.ส.จิรวรา วีรยวรรธน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร โอกิลวี่ ประเทศไทย เปิดเผยว่า โอกิลวี่ นำเสนอแนวทาง “ความคิดสร้างสรรค์ที่ไร้เส้นแบ่ง” (Borderless Creativity) ซึ่งเป็นผลมาจากความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีในโลกปัจจุบัน ที่ทำให้ผู้คนสื่อสารเชื่อมโยงกันได้รวดเร็วและใกล้ชิดกันมากขึ้น เราสามารถรับรู้และสัมผัสกับประสบการณ์ ความคิด ค่านิยม หรือความฝันต่าง ๆ ของผู้คนนับพันล้านทั่วโลกได้อย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อสิ่งเหล่านี้มาบรรจบกันในรูปแบบของไอเดียสร้างสรรค์และสื่อสาร จากมิติอันหลากหลายบนแพล็ตฟอร์ม หลักการ วัฒนธรรม หรือพื้นที่ทางภูมิศาสตร์ที่แตกต่างกันไป เราจึงสร้างพลังการเปลี่ยนแปลง หรือ “อิมแพค”ในเชิงบวกให้เกิดขึ้นต่อผู้คน โลก และต่อธุรกิจในวงกว้างและมีประสิทธิผลกว่าเดิม

“วิสัยทัศน์ของโอกิลวี่คือ การจุดประกายแรงบันดาลใจให้ผู้คนและแบรนด์ต่าง ๆ สามารถสร้าง “อิมแพค” ให้กับโลกใบนี้ การทำงานและความคิดสร้างสรรค์ในงานยุคใหม่ของเราจึงไร้เส้นแบ่ง ด้วย 5 กลุ่มธุรกิจที่ ประกอบด้วย โฆษณา (Advertising), ประชาสัมพันธ์ (Public Relations), การสร้างประสบการณ์ลูกค้า (Experience), ที่ปรึกษาทางธุรกิจ (Consulting) และเฮลธ์ (Health) ทีมงานจากแต่ละกลุ่มธุรกิจต่างนำความเชี่ยวชาญมาร่วมทำงานกับลูกค้าอย่างสอดประสานกัน ผลลัพธ์ก็คือเราสามารถช่วยลูกค้าก้าวข้ามข้อจำกัดด้านการสื่อสาร นำเสนอไอเดียหลากหลายมิติและใช้เทคโนโลยีดิจิทัลสร้างอิมแพคให้เกิดขึ้นได้จริง” 

ผู้บริโภคในปัจจุบันมองหาแบรนด์ที่ทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ดีขึ้นและสร้างความยั่งยืนให้กับโลก การสร้างสรรค์งานโฆษณาหรือการสื่อสารที่มีอิมแพคนั้น แบรนด์จึงจำเป็นต้องขับเคลื่อนและสร้างอิมแพคใน 3 มิติ ได้แก่ People ช่วยให้ผู้คนมีคุณภาพชีวิตดีขึ้น สะดวกสบายขึ้น และประสบความสำเร็จในชีวิตมากขึ้น, Planet ทำให้สังคม ชุมชน และโลกน่าอยู่ขึ้น สำหรับชีวิตผู้คนทั้งในยุคปัจจุบันและอนาคต และPerformance มีคุณค่าและศักยภาพที่แข็งแกร่ง ส่งผลให้เกิดความเปลี่ยนแปลงต่อผู้บริโภคทั้งในด้านความคิดและการใช้ชีวิต ซึ่งทั้งหมดนี้สามารถผลักดันให้ธุรกิจเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ 

“โอกิลวี่ มุ่งเป็นแพล็ตฟอร์มด้านความคิดสร้างสรรค์ (Creative Platform) ที่มีเครือข่ายทั่วโลก มีความพร้อมในการเป็นพันธมิตรกับลูกค้าเพื่อสร้างการเติบโตสู่อนาคต (Partner for Growth) เราเติมเต็มความคาดหวังของผู้บริโภคและคุณค่าของแบรนด์ ด้วยการพัฒนาโซลูชั่นที่ตอบโจทย์ทุกความต้องการของลูกค้าโดยอาศัยการผสานความเชี่ยวชาญระหว่างทั้ง 5 กลุ่มธุรกิจ ที่ต่างมีความสามารถอย่างโดดเด่นในการสร้างคอนเทนต์ การหาอินไซต์จากดาต้า และการมุ่งใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ ในการสร้างความเปลี่ยนแปลงที่มีความหมายต่อโลก สังคม และธุรกิจ”  

ด้าน นายชาตรี โชคมงคลเสถียร ประธานเจ้าหน้าที่บริหารฝ่ายกลยุทธ์ โอกิลวี่ ประเทศไทย ได้นำเสนอแนวคิดในการพัฒนากลยุทธ์สื่อสารที่ส่งผลให้ลูกค้าของโอกิลวี่ ประเทศไทย ประสบความสำเร็จ 3 แนวทาง ประกอบด้วย  IMPACT THINKING คือการสร้างสรรค์กลยุทธ์เพื่อให้เป็นโซลูชั่นทางธุรกิจ ใช้องค์ประกอบหลาย ๆ ส่วนที่อาจไม่เกี่ยวข้องกันมาประกอบกัน ทำให้เกิดผลลัพธ์ในหลายมิติ ทั้งสร้างการรับรู้หรือการเข้าใจ และการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมของกลุ่มเป้าหมาย เช่น แคมเปญ Amazing Thailand, Amazing Deep Culture ของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย   

IMPACT CONTEXT คือการพัฒนากลยุทธ์ที่คำนึงถึงบริบทและสภาพแวดล้อมทางธุรกิจ ซึ่งเป็นการผนวกคอนเทนต์ (Content) และบริบท (Context) ที่มีความเปลี่ยนแปลงไม่หยุดนิ่ง ทำให้แบรนด์สามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้อย่างถูกที่ถูกเวลา เช่น แคมเปญ Breath of Thailand ของฮอลล์ และแคมเปญ More Space ของอิเกีย 

 และIMPACT RESULT คือการพัฒนากลยุทธ์ที่ดึงความโดดเด่นด้านความคิดสร้างสรรค์เพื่อสร้าง
อิมแพคใน 3 มิติ ได้แก่ People, Planet และ Performance เกิดคุณค่าต่อผู้บริโภค สังคม และธุรกิจ เช่น แคมแปญ The Innocent Eyes ของวอยซ์ และแคมเปญ “เอาใจไส้” ของดัชชี่” 

ขณะที่ นายกำพล ลักษณะจินดา ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายสร้างสรรค์ โอกิลวี่ ประเทศไทย กล่าวเสริมว่า การนำมุมมองด้าน “อิมแพค” และ “Borderless Creativity” มาใช้ในการทำงานด้านความคิดสร้างสรรค์ทำให้เกิดเป็นประสิทธิภาพด้านความคิดสร้างสรรค์อย่างแท้จริง (Creative Effectiveness) สามารถวัดผลเป็นตัวเลขได้ชัดเจนจากทั้งยอดขาย, Brand Love และ Engagement โดยทีมงานครีเอทีฟจะเข้าร่วมทำงานกับทุกกลุ่มธุรกิจของเรา”  

ทั้งหมดนี้จึงส่งผลให้ โอกิลวี่ ประเทศไทย สามารถคว้ารางวัลระดับ Grand Prix หรือเทียบเท่ามาได้จาก 3 เวทีประกวดระดับโลก