BCPG ลุยตลาดอเมริกาทุ่มซื้อโรงไฟฟ้าธรรมชาติ 9 พันล้านเพิ่ม 2 โปรเจกต์ครองกำลังผลิต 426 เม็กหนุนพลังงานยั่งยืน



  • BCPGทุ่ม9,000ล้านบาทรุกตลาดในอเมริกาต่อนเนื่องเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเพิ่ม2แห่ง
  • ครองกำลังการผลิตติดตั้ง426เมกะวัตต์ได้อานิสงรอบด้านช่วยต้นทุนการผลิตต่ำมุ่งขานรับความต้องการสูงสุดในเพนซิลเวเนีย
  • ตั้งเป้าเดินหน้าเพิ่มพลังงานธรรมชาติช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมและโลกยั่งยืน

นายนิวัติ อดิเรก ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท บีซีพีจี จำกัด (มหาชนเปิดเผยว่าทางBCPG USA Inc. ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบริษัทฯ ได้ลงนามสัญญาเมื่อวันที่ 31 มีนาคม 2566 ซื้อหุ้นในโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติด้วยเงินลงทุน 260 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือประมาณ 8,919 ล้านบาท เข้าซื้อหุ้น 25 % บริษัท ฮามิลตั้นโฮลดิ้ง จากบริษัท แฟรงคลิน พาวเวอร์ โฮลดิ้ง เจ้าของโรงไฟฟ้าตั้งอยู่ในรัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ทั้ง 2 โครงการ ได้แก่ โครงการที่ 1 ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ (Hamilton Liberty) และ โครงการที่ 2 ฮามิลตั้น  เพทรีออต(Hamilton Patriot)   กำลังการผลิตรวม 1,705 เมกะวัตต์ ทำให้บีซีพีจีมีกำลังการผลิตไฟฟ้าในสหรัฐอเมริกาตามสัดส่วนการถือหุ้นเพิ่มขึ้นอีก 426 เมกะวัตต์ เพื่อจำหน่ายไฟฟ้าเข้าสู่ตลาดซื้อขายไฟฟ้าเสรีพีเจเอ็ม (PJM) ซึ่งมีขนาดใหญ่ที่สุดในสหรัฐฯ ครอบคลุมการขายไฟฟ้ากว่า 13 รัฐ  ตามรายละเอียดดังนี้

โครงการที่ 1 โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น ลิเบอร์ตี้ (ลิเบอร์ตี้มีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 848 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่ เขตอไซลัม (Asylum) รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ผ่านการเข้าซื้อหุ้น 25 % ของฮามิลตั้น โฮลดิ้ง จะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าลิเบอร์ตี้ทางอ้อมคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนการถือหุ้น 212 เมกะวัตต์

โครงการที่ 2 โรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติ ฮามิลตั้น เพทรีออต (เพทรีออตมีขนาดกำลังการผลิตติดตั้ง 857 เมกะวัตต์ ตั้งอยู่ที่เขตคลินตัน (Clinton) รัฐเพนซิลเวเนีย สหรัฐอเมริกา ผ่านการเข้าซื้อหุ้น 25 % ของฮามิลตั้น โฮลดิ้ง จะทำให้บีซีพีจีถือหุ้นในโครงการโรงไฟฟ้าเพทรีออตทางอ้อมตามสัดส่วนการลงทุนดังกล่าวคิดเป็นกำลังการผลิตติดตั้งตามสัดส่วนถือหุ้น 214 เมกะวัตต์

เมื่อรวมกับการเข้าซื้อหุ้นโรงไฟฟ้าในเดือนกุมภาพันธ์ 2566  ขณะนี้บีซีพีจีมีกำลังการผลิตในสหรัฐอเมริการวมแล้วมากถึง 577 เมกะวัตต์

นายนิวัติกล่าวว่าการเข้าลงทุนครั้งนี้สอดคล้องกับแผนกลยุทธ์การขยายธุรกิจผลิตไฟฟ้า ซึ่งเป็นธุรกิจหลัก โดยโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติดังกล่าวเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์มาตั้งแต่ปี 2559 ทำให้บริษัทฯ สามารถรับรู้ส่วนแบ่งกำไรได้ทันทีภายหลังการเข้าลงทุนด้วย

อีกทั้งยังมีความได้เปรียบสูงในการแข่งขันเพื่อประมูลขายไฟฟ้าในตลาดเสรี PJM เพราะตอนนี้ในทำเลที่ตั้งของ 2 โรงไฟฟ้ามีความต้องการใช้ไฟฟ้าสูงที่สุดในสหรัฐอเมริกา เนื่องจากมีต้นทุนการผลิตต่ำเมื่อเทียบกับโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติอื่นในตลาด นั่นคือเป็นโรงไฟฟ้าพลังงานก๊าซธรรมชาติที่ใช้เทคโนโลยี พลังงานความร้อนร่วมCombined Cycle Gas Turbines หรือ CCGT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีใช้กังหันก๊าซและกังหันไอน้ำร่วมกันเพื่อผลิตไฟฟ้าทำให้การผลิตไฟฟ้ามีประสิทธิภาพสูงขึ้น สิ้นเปลืองเชื้อเพลิงต่ำ เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทำเลที่ตั้งโรงไฟฟ้าอยู่ใกล้แหล่งผลิตก๊าซธรรมชาติขนาดใหญ่ (Marcellus Shale Gas) ทำให้เข้าถึงก๊าซธรรมชาติได้ในราคาต่ำกว่าภูมิภาคอื่นของประเทศนั่นเอง

สำหรับ ฮามิลตั้น โฮลดิ้ง เป็นบริษัทในเครือ คาร์ลาย กรุ๊ป กลุ่มกองทุนที่จัดการโดยบริษัทการลงทุนกองทุนระดับโลกและ บริหารจัดการโดยบริษัทโคเจนทริกซ์ เอนเนอร์ยี่ แมเนจเม้นท์ (โคเจนทริกซ์ซึ่งคาร์ลาย กรุ๊ป และโคเจนทริกซ์ มีทรัพย์สินภายใต้การบริหารทั่วสหรัฐอเมริกากว่า 10,000 เมกะวัตต์ รวมถึงมีความเชี่ยวชาญด้านการบริหารจัดการโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติเป็นอย่างดี

นายนิวัติกล่าวว่า “บีซีพีจี ยังคงมุ่งมั่นขยายการลงทุนในธุรกิจไฟฟ้าจากพลังงานสะอาด การลงทุนโรงไฟฟ้าก๊าซธรรมชาติควบคู่กับโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนสนับสนุนการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ตอบสนองความต้องการใช้ไฟฟ้าของประชาชนอย่างเพียงพอ ควบคู่กับการช่วยรักษาสภาพแวดล้อม และสร้างความยั่งยืนให้โลกมีความมั่นคงทางพลังงาน

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen