

เงินบาท แข็งค่าทะลุ 33 บาท/ดอลลาร์ ไปเรียบร้อย หลัง ประธานเฟด ส่งสัญญาณ ลดดอกเบี้ย ทำให้สกุลเงินหลักแข็งค่า หลังจาก มีแรงงานดอลลาร์ออกมา นับเป็นการแข็ค่าในรอบ 13 ปี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สถานการณ์ ค่า เงินบาท ได้แข็งค่าขึ้นอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ค่าเงินบาท แข็งค่าไปที่ 33.90 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐฯ และ แข็งค่าสุดระหว่างวันที่ 33.90 บาท ต่ออลลาร์ นับเป็น การแข็งค่าที่สุดในรอบ 13 ปี หลัง จอโรม พาวเวลล์ ประธาน ธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ไดส่งสัญญาณ ลดดอกเบี้ยที่จะมีการพิจารณา ในเดือนกันยายนนี้ แม้ว่า เขาจะปฏิเสธที่จะให้ข้อบ่งชี้ที่ชัดเจนว่ามีเวลาหรือขอบเขตเท่าใด
เขากล่าวในสุนทรพจน์สำคัญว่า “ถึงเวลาแล้วที่ต้องปรับเปลี่ยนนโยบาย” ในการประชุมประจำปีของธนาคารกลางที่เมืองแจ็คสัน โฮล รัฐไวโอมิง เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านว่า “ทิศทางเป็นที่ชัดเจนแล้ว แต่เวลาหรือความเร็วในการลดอัตราดอกเบี้ยจะขึ้นอยู่กับข้อมูลที่เข้ามา มุมมองที่เปลี่ยนไป และความสมดุลของความเสี่ยง”
เขาได้พูดถึงความก้าวหน้าในการควบคุมเงินเฟ้อว่า ธนาคารกลางสามารถเริ่มให้ความสำคัญกับอีกด้านหนึ่งของภารกิจคู่ขนานได้เช่นกัน นั่นคือ การทำให้แน่ใจว่าเศรษฐกิจยังคงอยู่ในระดับการจ้างงานเต็มที่
“เงินเฟ้อได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ ตลาดแรงงานไม่ได้ร้อนแรงเกินไปแล้ว และ สภาพเศรษฐกิจในปัจจุบันไม่ตึงเครีย ดเท่าช่วงก่อนการระบาด” พาวเวลล์กล่าว “ ข้อจำกัดด้านอุปทานได้กลับสู่ภาวะปกติ และความสมดุลของความเสี่ยงต่อภารกิจทั้งสองของเราได้เปลี่ยนแปลงไป”
สำหรับทิศทางของค่าเงินบาทในช่วงครึ่งปีหลังนี้ ได้ปรับแข็งค่าต่อเนื่อง ซี่งเป็นความเคลื่อนไหวตามทิศทางตลาดโลก เนื่องจากค่าเงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับค่าเงินสกุลหลัก
โดยปรับตัวลดลงตามบอนด์ยีลด์ หลังมีการทบทวน ตัวเลขจ้างงานของสหรัฐฯ แล้วออกมา แย่กว่าเดิม ประกอบกับ มีรายงานการประชุมเฟด ที่ส่งสัญญาณใกล้ถึงเวลาพิจารณาปรับลดอัตราดอกเบี้ย ทำให้มีแรงเทขายดอลลาร์ออกมาในตลาด
ซึ่งที่ผ่านมา หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อว้นที่ 21 สิงหาคม ที่ผ่านมา ทาง ผู้บริหารธนาคารแห่งประเทศไทย ได้ออกมา ระบุ ว่า สถานการณ์เงินบาทที่ผันผวน และ แข็งค่าเร็ว ในระยะนี้ว่า เงินบาท ยังเคลื่อนไหวในทิศทางที่สอดคล้อง กับสกุลเงินในตลาดโลก และในภูมิภาค แม้ จะมีความผันผวนอยู่บ้าง แต่เมื่อเทียบกับช่วงต้นปีแล้ว แทบจะไม่เปลี่ยนแปลง
ทางด้าน สถานการณ์ ราคาบิตคอยน์ พุ่งแรงกว่า 7% หลังเฟด ส่งสัญญาณ ลดดอกเบี้ย เกือบทะลุ 65,000 ดอลลาร์ใน 24 ชั่วโมง ที่ผ่านมา
ผลกระทบที่เกิดขึ้นเมื่อ เงินบาท แข็งค่า และ อ่อนค่าลง
1. การส่งออกและนำเข้า
การนำเข้า และ ส่งออกสินค้าระหว่างไทยกับต่างชาติ จะได้รับผลกระทบจ ากค่าเงินบาทที่แข็งค่า หรือ อ่อนตัวลง ยกตัวอย่างเช่น เมื่อเงินบาทแข็งค่า สินค้าของไทยจะแพงขึ้นทำให้การส่งออกน้อยลง แต่ในขณะเดียวกัน จะสามารถขายสินค้าส่งออกได้ในราคาที่สูงขึ้น และ มีการนำเข้าสินค้ามากขึ้น ในขณะที่ หากค่าเงินอ่อนตัวลง การส่งออกจะสูงขึ้นเพราะต่างประเทศมีกำลังซื้อมากกว่า แต่ การนำเข้าสินค้าจะน้อยลง เนื่องจากราคาสินค้าในต่างประเทศสูงขึ้น
2. การท่องเที่ยว
ผลกระทบ จากการที่เงินบาทแข็งค่า ต่อการท่องเที่ยว คือ นักท่องเที่ยว จะเดินทางมายังประเทศไทย น้อยลง แต่ เมื่อเงินบาทอ่อนตัวลงก็จะมีนักท่องเที่ยวจากต่างชาติเดินทางเข้ามาเที่ยว และใช้จ่ายในไทยมากขึ้น
3. ตลาดหุ้น
ค่าเงินบาท กับตลาดหุ้นนั้นมีความสัมพันธ์กัน เพราะหากเงินบาทแข็ง ค่า นักลงทุนจากทั่วโลก ก็จะหันมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยมากขึ้น และ ทำให้ดัชนีหุ้นของไทยสูงขึ้นด้วย ในทางกลับกัน หากเงินบาทอ่อนตัวลง ก็อาจทำให้ดัชนีหุ้นในตลาดหุ้นไทยต่ำลงได้เช่นกัน
4. เงินเฟ้อ
การแข็งค่าของเงินบาท จะช่วยลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ เพราะทำให้สินค้านำเข้ามีราคาถูกลง ในขณะที่ การอ่อนค่าของเงินบาท จะเพิ่มแรงกดดันด้านเงินเฟ้อ เพราะทำให้ สินค้านำเข้า มีราคาแพงขึ้น
5. อัตราดอกเบี้ย
โดยทั่วไปแล้ว หากเงินบาทแข็งค่าขึ้น ธนาคารกลาง จะลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง เนื่องจาก ต้องการกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศ ในขณะที่ หากเงินบาท อ่อนค่าลง ธนาคารกลางมัก จะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายขึ้น เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ หรือ เงินสกุลดอลลาร์สหรัฐ
https://thejournalistclub.com/news-ttb-analytics-bath/