

“จุลพันธ์” คิกออฟโครงการไร่ละ 1,000 ธ.ก.ส. เริ่มโอนภาคเหนือวันแรก ลุยเสริมความเข้มแข็งภาคการเกษตร หวังเป็นเครื่องมือพัฒนาผลผลิต-เพิ่มรายได้ พร้อมพูดคุยวิดีโอคอลคุย ชาวนา 6 จังหวัด ต่างชมลั่นทุ่งขอบคุณรัฐบาล-ธ.ก.ส. ที่เห็นความสำคัญเกษตรกรรายย่อย
วันนี้ (16 ธ.ค.67) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รมช.คลัง ในฐานะประธานกรรมการธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร หรือ ธ.ก.ส. ร่วมเปิดงานกดปุ่มแจกเงินโครงการสนับสนุนค่าบริหารจัดการและพัฒนาคุณภาพผลผลิตเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ปีการผลิต 2567/68 ในอัตราไร่ละ 1,000 บาท (สูงสุดไม่เกิน 10 ไร่) แก่เกษตรผู้ปลูกข้าวทั่วประเทศที่ขึ้นทะเบียนกับกรมส่งเสริมการเกษตร กว่า 4.61 ล้านครัวเรือน วงเงินรวม 37,414 ล้านบาท เป็นวันแรก โดยมีนายฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. พร้อมทั้งคณะผู้บริหาร และบุคลากรเข้าร่วมด้วย
นายจุลพันธ์ กล่าวว่า วันนี้เป็นวันแห่งความภาคภูมิใจของชาว ธ.ก.ส. ที่ได้ปฏิบัติภารกิจทำงานที่เป็นประโยชน์แก่เกษตรกร ซึ่งวันนี้เป็นวันที่เกษตรกรรอคอย เราในฐานะที่เป็นธนาคารซึ่งทำงานใกล้ชิดกับเกษตรกรมายาวนาน จึงได้ดำเนินการโครงการไร่ละ 1,000 บาท ตามแนวทางของรัฐบาลที่ นำโดยนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี
รวมทั้งได้มีการปรับหลักเกณฑ์ให้มีอัตราจ่ายในจำนวนเงินไร่ละ 1,000 บาท สูงสุดไม่เกิน 10 ไร่ เนื่องจากรัฐบาลมีนโยบายในการขับเคลื่อนช่วยเหลือพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในหลายรูปแบบ อาทิ โครงการเติมเงิน 10,000 บาทผ่านดิจิทัลวอลเล็ต ปรับโครงสร้างหนี้ครัวเรือน พักหนี้เกษตรกร เป็นต้น
นายจุลพันธ์ กล่าวต่อว่า ประเทศไทยเป็นประเทศเกษตรกรรม ข้าวถือเป็นพืชเศรษฐกิจที่สาคัญที่สุดของประเทศและมีความเกี่ยวข้องกับชีวิตความเป็นอยู่ของพี่น้องเกษตรกรส่วนใหญ่ รวมถึงมีบทบาทสำคัญในระบบเศรษฐกิจของชาติ
ดังนั้น การส่งเสริมและสนับสนุนการผลิตข้าวอย่างมีประสิทธิภาพจึงเป็นเรื่องสำคัญและตนขอชื่นชมหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทั้งกระทรวงการคลัง กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ กระทรวงพาณิชย์ ธ.ก.ส. และองค์กรภาคีต่างๆ ที่ร่วมแรงร่วมใจผลักดันโครงการนี้ให้เกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรม
“โครงการไร่ละ 1,000 บาท ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการเสริม เพื่อทำให้เกษตรกรได้มีความเข้มแข็ง ซึ่งเป็นหนึ่งในแพ็คเกจที่ผ่านการเห็นชอบของคณะกรรมการนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน โดยรัฐบาลเชื่อมั่นว่า โครงการไร่ละ 1,000 บาท จะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับเกษตรกรกลุ่มเป้าหมาย 4.61 ล้านครัวเรือน ให้สามารถมีรายได้ในการดำรงชีพเพิ่มขึ้น
ลดภาระค่าใช้จ่ายในการผลิตและช่วยเพิ่มคุณภาพของผลผลิตข้าว ทำให้เกษตรกรและข้าวของไทยสามารถแข่งขันในตลาดได้มากขึ้น ซึ่งสอดคล้องกับเป้าหมายของรัฐบาลในการพัฒนาเศรษฐกิจระดับฐานราก โดยเฉพาะการยกระดับคุณภาพชีวิตของเกษตรกรให้ดียิ่งขึ้นและทำให้เกษตรกรทั่วประเทศมีความสุข มีรอยยิ้ม และมีกำลังใจทำการเกษตรต่อไปได้” นายจุลพันธ์ กล่าว
ทั้งนี้ นายจุลพันธ์ ได้มีการพูดคุยกับตัวแทนของเกษตรกรผู้ปลูกข้าวผ่านระบบวิดีโอคอลของ ธ.ก.ส. สาขาในพื้นที่ภาคเหนือ 6 จังหวัด ประกอบด้วย ธ.ก.ส. สาขาพาน จ. เชียงราย ธ.ก.ส. สาขาแม่แตง จ. เชียงใหม่ ธ.ก.ส.สาขาศรีสำโรง จ. สุโขทัย ธ.ก.ส. สาขาแม่ใจ จ. พะเยา ธ.ก.ส. สาขาบางระกำ จ. พิษณุโลก และ ธ.ก.ส. สาขาพยุหะคีรี จ.นครสวรรค์ โดยส่วนใหญ่ตัวแทนเกษตรกรผู้ปลูกข้าว ได้กล่าวขอบคุณรัฐบาล และ ธ.ก.ส. ที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของเกษตรกรรายย่อยและมอบเงินช่วยเหลือในการทำการเกษตร
นายจุลพันธ์ ยังกล่าวด้วยว่า การโอนเงินในโครงการไร่ละ 1,000 บาท ในพื้นที่อื่นๆ นั้น จะดำเนินการทั้งสิ้นอีก 4 รอบ แบ่งตามภูมิภาค ได้แก่ วันที่ 17 ธ.ค. ภาคกลางและภาคตะวันออก วันที่ 18 ธ.ค. ภาคอีสานตอนบน
วันที่ 19 ธ.ค. ภาคอีสานตอนล่าง และวันที่ 20 ธ.ค. ภาคตะวันตกและภาคใต้ ตามลำดับ ทั้งนี้ขอให้เกษตรกรมั่นใจได้ว่า เงินช่วยเหลือของรัฐบาล จะเข้าไปที่บัญชีเงินฝาก ธ.ก.ส. โดยตรงตามวันที่กำหนดไว้อย่างแน่นอน
ธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร
อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง : ธ.ก.ส. ออกมาตรการช่วยเหลือพี่น้องเกษตรกรชาวใต้เลื่อนเวลาชำระหนี้สูงสุดไม่เกิน1 ปีและไม่คิดดอกเบี้ยปรับ