AWC เตรียมเปิดศูนย์ค้าส่งพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ วันที่ 26 พ.ย.นี้ แทนศูนย์ไอที



  • หลังจากปรับเปลี่ยนจากศูนย์การค้าไอที มาเป็นศูนย์ค้าส่งในเมืองใหญ่ที่สุดในประเทศ
  • AWC ดึงสภาหอการค้านำสมาชิกร่วมเพื่อเป็นศูนย์กลางในภูมิภาค
  • เร่งแผนเปิดปลายเพื่อช่วยเหลือเอสเอ็มอีหาโอกาสใหม่ๆ
  • เปิดให้บริการทั้งออฟไลน์-ออนไลน์ รองรับตลาดใหม่ครบครัน
  • ไม่ฟันธงโมเดลธุรกิจใหม่จะประสบความสำเร็จหรือไม่ ให้ลองขายฟรี 6 เดือน
  • แต่ตั้งเป้าเม็ดเงินสะพัดช่วงแรกเดือนละ 1 ล้านบาท

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงความคืบหน้าของการปรับเปลี่ยนศูนย์การค้าพันธ์ุทิพย์ พลาซ่า ประตูน้ำมาเป็น“AEC TRADE CENTER – PANTIP WHOLESALE DESTINATION” ซึ่งเป็นศูนย์ค้าส่งบนพื้นที่รวมกว่า 3 หมื่นตารางเมตร ใจกลางเมืองที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย โดยเฟสแรกจะเริ่มเปิดให้บริการได้ในวันที่ 26 พ.ย.ที่จะถึงนี้

มีพื้นที่รวมกว่า 30,000 ตร.ม. ที่ศูนย์การค้าพันธุ์ทิพย์ ประตูน้ำ ด้วยความมุ่งมั่นที่จะสนับสนุนผู้ประกอบการไทยที่มีศักยภาพให้เติบโตบนเวทีการค้าโลก ล่าสุดได้ลงนามกับสมาคมการค้ารวม 11 หน่วยงานนำโดยสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย โดย นายกลินท์ สารสิน ประธานกรรมการ กล่าวว่า ทางสภาหอการค้ามีนโยบายในการสนับสนุนและช่วยเหลือผู้ประกอบไทย โดยเฉพาะธุรกิจเอสเอ็มอี ซึ่งมีจำนวนไม่ต่ำกว่า 95% ของภาคธุรกิจรวมของประเทศ ให้อยู่รอดภายใต้ภาวะวิกฤติโควิด-19 ซึ่งมีผลกระทบตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา ยินดีเข้าร่วมสนุนโครงการนี้

ทั้งนี้  เพื่อเชื่อมโยง ผู้ผลิต ผู้ค้าปลีก ผู้ค้าส่ง ผู้นำเข้า ผู้ส่งออก รวมถึงผู้ให้บริการด้านโลจิสติกส์ เข้าถึงตลาดเดิมและตลาดใหม่ๆ ในประเทศและต่างประเทศอย่างครบวงจร โดยศูนย์นี้จะช่วยให้คู่ค้าสามารถเจรจาธุรกิจได้ตลอด 365 วัน เสริมศักยภาพให้ไทยเป็นศูนย์กลางการค้าในภูมิภาคอย่างแท้จริงและเป็นการสร้างโอกาสสำคัญให้คู่ค้าได้มาสรรหา สินค้าในพื้นที่เดียวทำให้ประหยัดค่าใช้จ่ายและเวลา ในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์

ด้านนายอนันต์ ลาภสุขสถิต หัวหน้าคณะกลุ่มโฮลเซลล์ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ทางบริษัทได้ใช้งบประมาณในการรีโนเวตศูนย์ดังกล่าวไปกว่า 200 ล้านบาท เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการที่มีศักยภาพสูงเข้ามาเพื่อศักยภาพทาวการค้าโดยไม่คิดค่าเช่าถึง 6 เดือนฟรี ซึ่งคิดเป็นจำนวนกว่า 300 ล้านบาท อีกทั้งผลักดันให้มีสินค้าจากผู้ผลิตต้นน้ำที่มีคุณภาพในหลากหลายหมวดสินค้า อาทิ เฟอร์นิเจอร์ อุปกรณ์ตกแต่งภายใน ของเล่น ของชำร่วย เครื่องเขียน ของขวัญ ของตกแต่งบ้าน นวัตกรรมการพิมพ์ เป็นต้น ซึ่งในวันนี้เราได้รับเกียรติจากทางสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย นำทีมสมาคมการค้าที่สำคัญมาร่วมลงนามเพื่อสนับสนุนให้สมาชิกของสมาคมต่างๆ ได้ประโยชน์จากโครงการนี้

“โมเดลธุรกิจนี้ในประเทศไทยนับว่าเป็นเรื่องใหม่ เราจะรอดูก่อนว่า 6 เดือนจะเป็นไปอย่างไรหากผู้ประกอบการประสบความสำเร็จ แล้วค่อยมาคิดเรื่องค่าเช่ากันอีกที อย่างไรก็ตามได้ตั้งเป้าช่วงแรกว่าจะมีเม็ดเงินสะพัดเดือนละ 1,000 ล้านบาท สำหรับเฟสสองจะเปิดแพล็ตฟอร์มภายใต้ชื่อแอปพลิเคชั่น Phoenix box เป็นออนไลน์แอปเป็นออมนิ ชาแนลให้กับศูนย์แบบไร้รอยต่อ”