

- “AWC” ปลื้มนำธุรกิจโรงแรมและบริการ อสังหาริมทรัพย์ Q4 ปี 65 ฟันกำไรยอดเยี่ยมสุด 1,438 ล้านบาท
- ภาพรวมทั้งปี’65 โกยกำไรสุทธิ 3,981 ล้านบาท โต 280% หลังเปิดประเทศต่างชาติทะลักตลาด
- โกยลูกค้าคุณภาพดันอัตราพักเฉลี่ยทะยาน 63.5% ราคาห้องเฉลี่ยพุ่ง 5,697 บาท/คืน
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด(มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า AWC มีผลประกอบการไตรมาส 4 และตลอดปี 2565 เปรียบเทียบการเติบโตกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน ประกอบด้วย “ไตรมาส 4/2565” เป็นไตรมาสสร้างผลงานยอดเยี่ยมโดยกำไรสุทธิ 1,438 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 30 % “ตลอดปี 2565” ทำกำไรรวมสุทธิได้ 3,981 ล้านบาท เพิ่มแบบก้าวกระโดดกว่า 280 % เป็นผลมาจาก 2 ปัจจัยหลัก ได้แก่ ปัจจัยที่ 1 กลุ่มโรงแรมสามารถสร้างค่าห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR : Average Daily Rate) สูงที่สุดในประวัติศาสตร์ของ AWC สอดรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบมาตั้งแต่ครึ่งหลังปี 2565 ปัจจัยที่2 องค์กรมีศักยภาพสร้างกระแสเงินสดจากทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพเพิ่มขึ้นประกอบกับการบริหารจัดการค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพอย่างต่อเนื่อง พร้อมหนุนเศรษฐกิจประเทศให้เติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ไตรมาส 4/2565 ทาง AWC สร้างผลงานอย่างยอดเยี่ยมโดยได้แรงสนับสนุนจาการท่องเที่ยวของประเทศฟื้นตัวชัดเจนในฤดูท่องเที่ยวหนาแน่นหรือไฮซีซันบวกกับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ส่งผลให้ภาพรวมการดำเนินงานกลับมาเติบโตอย่างแข็งแกร่ง AWC เข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายคุณภาพได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะ 2 กลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 “ธุรกิจโรงแรมและการบริการ” เติบโตอย่างมีนัยสำคัญนับตั้งแต่ปี 2563 ซึ่งเกิดโควิด-19และ กลุ่มที่ 2 “ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์” สามารถสร้างกระแสเงินสดอันแข็งแกร่งให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง จากแผนพัฒนาและปรับกลยุทธ์โครงการต่าง ๆ ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายให้ลูกค้าต่อเนื่อง ทั้งอาคาร “เอ็มไพร์” ภายใต้แนวคิด Co-Living Collective: Empower Future หรือ โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่นเพื่อสร้างแลนด์มาร์คการท่องเที่ยวไลฟ์สไตล์ริมแม่น้ำใหญ่ที่สุด ผ่านประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” และกิจกรรมความบันเทิงร่วมกับเดอะ วอลต์ ดิสนีย์ ใน “DISNEY100 VILLAGE AT ASIATIQUE” แล้วบริษัทยังได้รับกำไรจากการรวมมูลค่ายุติธรรมของอสังหาริมทรัพย์ปี 2565 อีกกว่า 4,920 ล้านบาท ทำให้เพิ่มมูลค่าพอร์ตทรัพย์สินคุณภาพได้มากกว่าอัตราเงินเฟ้อปัจจุบันที่เพิ่มขึ้น
โดย AWC มีรายละเอียดผลประกอบการและผลการดำเนินงานตลอดปี 2565 ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงแรมและการบริการ เติบโตก้าวกระโดดจากการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ปี 2565 มีนักท่องเที่ยวต่างชาติกลุ่มเดินทางเข้ามาเที่ยวด้วยตัวเอง (FIT-Foreign Independent Tour) กว่า 11.8 ล้านคน เป็นกลุ่มคุณภาพมีกำลังซื้อสูงจึงทำให้กลุ่มธุรกิจของบริษัทกลับมาเติบโตขึ้นทุกเซ็กเมนต์ ทั้งกลุ่มโรงแรมประชุมสัมมนา/MICE กลุ่มโรงแรมในกรุงเทพฯ กลุ่มรีสอร์ทระดับลักซ์ซูรี เซ็กเมนต์อาหารและเครื่องดื่มจากงานอีเว้นท์ต่าง ๆ เพิ่มขึ้น อาทิ การฉลองเทศกาลปีใหม่
เฉพาะไตรมาส 4/2565 โรงแรมในเครือ AWC มีภาพรวมอัตราเข้าพัก (OR-Occupancy Rate) ทำได้ 63.5 % ด้วยราคาห้องพักเฉลี่ยต่อวัน (ADR) 5,697 บาท/คืน เพิ่มขึ้นกว่า 45.7 % เมื่อเปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อนโดยมี “รายได้” จากการดำเนินงาน 2,499 ล้านบาท ทำกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) กว่า 848 ล้านบาท เพิ่มก้าวกระโดด 11,535 % เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน หรือเมื่อเทียบกับไตราก่อนหน้าจะเพิ่มขึ้น 71.9 %
รวมทั้งมี Revenue Generation Index (RGI) ภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันพื้นที่ใกล้เคียง อาทิ โรงแรม แบงค็อกแมริออท เดอะ สุรวงศ์ มีค่า RGI เท่ากับ 223.6 โรงแรม บันยันทรี กระบี่ มีค่า RGI เท่ากับ 184.4 และโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 176.8
ขณะนี้ AWC ยังคงมุ่งมั่นเดินหน้าเสริมพอร์ตคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการบริการ เข้าลงทุนเพิ่ม 2 โรงแรม คือ1.เดอะ เวสทิน สิเหร่ เบย์ รีสอร์ท แอนด์ สปา ภูเก็ต 2.ดุสิต ดีทู เชียงใหม่ เพื่อใช้ศักยภาพและความได้เปรียบพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพเสริมขีดความสามารถทางแข่งขันและเสริมพอร์ตทรัพย์สินเพื่อสร้างกระแสเงินสดที่แข็งแกร่งให้กับบริษัท รวมถึงโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ ซึ่งเป็นทรัพย์สินอยู่ในระหว่างการพัฒนา
สิ้นปี 2565 AWC มuโรงแรมเป็นสินทรัพย์ดำเนินการทั้งหมด 20 โรงแรม รวม 5,458 ห้อง ซึ่งเติบโตต่อเนื่องมากกว่าเดิมเมื่อเทียบกับปี 2562 มีเพียง 16 โรงแรม จำนวนห้องรวม 3,432 ห้อง
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail & Commercial) ได้แก่ “กลุ่มธุรกิจอาคารสำนักงาน” ยังสร้างกระแสเงินสดให้บริษัทเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเริ่มปี 2565 เปรียบเทียบกับปีก่อนมีรายได้จากการดำเนินงานเพิ่ม 7.6 % เพราะศักยภาพอาคารสำนักงานเกรด A ที่คำนึงด้านสิ่งแวดล้อม กับการใช้เทคโนโลยีต่าง ๆ เพื่อบริหารจัดการพื้นที่อย่างมีประสิทธิภาพ ผนวกกับ AWC ได้ยกระดับมาตรฐานใหม่เป็นครั้งแรกในวงการอาคารสำนักงาน มอบพื้นที่ฟรี1,500 ตร.ม. ทำเป็น Co-Living เปิดประสบการณ์พิเศษให้ผู้เช่ากลับมาทำงานแบบวิถีใหม่ New Normal ช่วยผลักดันให้ไทยเป็นประเทศจุดหมายขององค์กรและพนักงานจากทั่วโลก และอันดับหนึ่งในใจคนทำงานรุ่นใหม่ด้วย
ภาพรวมกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการค้าเติบโตต่อเนื่องครอบคลุมเกือบทุกเซ็กเมนต์เช่นกัน จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ การจับจ่ายใช้สอยและการรับประทานอาหารนอกบ้านเพื่อพบปะสังสรรค์ช่วงเทศกาลปลายปี โดยเฉพาะกลุ่มคอมมูนิตี้ช็อปปิ้งมอลล์ ทำให้รายได้เติบโตเพิ่มขึ้นจากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน 18 % รวมทั้งศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวอย่าง โครงการ “เอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น” รายได้เพิ่มขึ้น 98 % โดยมีคนไทยและต่างชาติที่มาใช้บริการเพิ่มขึ้น และได้ปรับกลยุทธ์เพื่อดึงดูดผู้เช่า ตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม ผ่านกิจกรรมพิเศษต่างๆ ตลอดทั้งปี

นางวัลลภายืนยันว่า AWC มุ่งมั่นยกระดับและเสริมศักยภาพอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของไทยตอบรับนโยบาย “ปีท่องเที่ยวไทย 2566” ผ่านการท่องเที่ยวเชิงประสบการณ์ ตั้งเป้าจะมีต่างชาติและคนไทยที่ท่องเที่ยวมากขึ้น บริษัทจึงเดินหน้ากลยุทธ์เร่งเปลี่ยนสินทรัพย์ที่อยู่ระหว่างพัฒนาเป็นสินทรัพย์ดำเนินงาน สร้างการเติบโตผลตอบแทนของทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อสร้างกระแสเงินสดแข็งแกร่งอย่างต่อเนื่อง ควบคู่กับการบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพโดยไม่กระทบกับคุณภาพการบริการ
เช่น ทำยอดสำรองห้องพักโดยตรงกับทางโรงแรม (Direct Booking) เพิ่มสูงขึ้น 2.ติดตั้งแผงโซล่าเซลล์ (Solar Cell) เพื่อเพิ่มพลังงานสะอาดและเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม 3.วางแผนบริหารจัดการต้นทุนค่าใช้จ่ายบุคลากรได้อย่างมีประสิทธิภาพ (HR Multiple) เพื่อสร้างมูลค่าและผลตอบแทนสูงสุดให้ผู้ถือหุ้นเพื่อส่งผ่านเป็นEBITDA (Flow Through) ในสัดส่วนมากกว่าเป้าที่ตั้งไว้
ปี 2566 AWC พร้อมเดินหน้าพัฒนาโครงการต่างๆ ทุกกลุ่มธุรกิจอย่างต่อเนื่องเพื่อจะเปิดให้บริการ คือ อีก 3 โรงแรม ได้แก่ 1.อินน์ไซด์ กรุงเทพ สุขุมวิท 2.อินเตอร์คอนติเนนตัล เชียงใหม่ แม่ปิง 3.แมริออท เชียงใหม่ ควบคู่กับการยกระดับมาตรฐานใหม่กลุ่มอาคารสำนักงาน การพัฒนาโครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ช่วยเสริมความแข็งแกร่งให้กับองค์กรอย่างยั่งยืน
ทั้งนี้ AWC มุ่งมั่นนำธุรกิจเดินตามแผนกลยุทธ์การพัฒนาอย่างยั่งยืนสู่เป้าหมายสูงสุดเพื่อ “สร้างคุณค่าด้านความยั่งยืนในระยะยาว” แก่ผู้มีส่วนเกี่ยวข้องทุกภาคส่วน ด้วย 3 เสาหลัก (3BETTERs): Better Planet, Better People, Better Prosperity ล่าสุด AWC ติดอันดับรายงานความยั่งยืน S&P CSA Yearbook 2023 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 2 ได้รับคัดเลือกเป็น “Top 1% S&P Global ESG Score 2022” และรางวัล “Industry Mover”