

- AWC นำธุรกิจโรงแรมและบริการกับอสังหาริมทรัพย์ ไตรมาส 1 ปี 66 กำไรสุทธิ 1,422 ล้านบาท
- ทำรายได้รวม 4,785 ล้านบาท โต 65.5% ด้วยกลยุทธ์GROWTH-LED ดันกระแสเงินสดขยายเต็มประสิทธิภาพโรงแรมทุกเซกเมนท์เป็นบวก
- แถมขยับค่าห้องได้ดีกว่าก่อนโควิด 4,152 บาท/ห้อง/คืน ตุนทรัพย์สินได้ 119,859 ล้านบาท เพิ่มมากกว่าปี’62ถึง 36,548 ล้านบาท
นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด(มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า ผลประกอบการ AWC ไตรมาส 1 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,785 ล้านบาท เพิ่มขึ้นก้าวกระโดด 65.5 จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน (YoY) โดยมีกำไรจากการดำเนินงาน(EBITDA) กว่า 2,572 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 67.2% เป็นแรงผลักดันให้มีกำไรสุทธิ 1,422 ล้านบาท เปรียบเทียบกับช่วงเดียวกันกันปีก่อนเพิ่มขึ้น 100.5% และยังสูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดสถานการณ์โควิด-19 ด้วย เป็นผลมาจาก 3 ส่วน ได้แก่
ส่วนที่ 1 ทุกเซกเมนท์ในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการเติบโตต่อเนื่อง
ส่วนที่ 2 สามารถสร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) ได้ถึง 4,152 บาท สูงกว่าปี 2562 ก่อนเกิดโควิด 17 %โดยเฉพาะโรงแรมนอกกรุงเทพฯ และรีสอร์ท ระดับลักซ์ซูรี ที่มีอัตราการเข้าพักสูงโดดเด่น สอดรับการเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ

ส่วนที่ 3 นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติที่เข้ามาใช้บริการในกลุ่มธุรกิจต่าง ๆ ของบริษัทฯ มีจำนวนมาก โดยเฉพาะฤดูกาลท่องเที่ยวอย่างเทศกาลปีใหม่ จึงทำให้ธุรกิจมีศักยภาพเติบโตอย่างแข็งแกร่ง
ในไตรมาส 1/2566 บริษัทฯ มีมูลค่าทรัพย์สินดำเนินงานรวมกว่า 119,859 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 36,548 ล้านบาทเปรียบเทียบกับปี 2562 เพิ่มขึ้น 43.9 % ซึ่งบริษัทมีแผนพัฒนาโครงการต่าง ๆ เพื่อสร้างกระแสเงินสดในระยะกลางอย่างแข็งแกร่ง พร้อมเข้าลงทุนทรัพย์สินในสัญญาให้สิทธิ (ROFR) จากกลุ่มทีซีซี และมีโอกาสการลงทุนทรัพย์สินคุณภาพอื่น ๆ ในระยะยาว ด้วยขนาดทรัพย์สินคุณภาพเติบโตต่อเนื่องจึงมั่นใจจะสามารถสร้างกระแสเงินสดได้อย่างก้าวกระโดดและมั่นคงอย่างแน่นอน
นางวัลลภา กล่าวว่า ไตรมาส 1/2566 AWC มีผลประกอบการแข็งแกร่งเติบโตสูงกว่าไตรมาส 4/2565 และก่อนช่วงสถานการณ์โควิด-19 ปี 2562 เป็นการเริ่มต้นปีด้วยสัญญาณบวก รวมถึงผลประกอบการเติบโตก้าวกระโดดตามกลยุทธ์ GROWTH-LED ผ่านการพัฒนาโครงการทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงาน มีมูลค่าเพิ่มขึ้นจากปี 2562 กว่า 36,548 ล้านบาท สามารถสร้างกระแสเงินสดเติบโตควบคู่เร่งสร้างอัตราผลตอบแทนด้วยการพัฒนาทรัพย์สินเพื่อตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าอย่างหลากหลาย
เช่น ผลดำเนินงานในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ มีค่า Revenue Generation Index (RGI) โดยภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันที่อยู่ในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงแรม แบงค็อก แมริออท เดอะ สุรวงศ์มีค่า RGI เท่ากับ 201 และโรงแรม คอร์ทยาร์ด แมริออท ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 195

ขณะเดียวกัน “อัตรารายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก” ภาพรวม (RevPAR) สูงถึง 4,152 บาท รวมถึงการควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนกำไรจากการดำเนินงานต่อรายได้ โดยไม่รวมมูลค่ายุติธรรม(EBITDA MARGIN) ไตรมาส 1/2566 ของทั้งกลุ่มบริษัทฯ สูงถึง 45 % แข็งแกร่งกว่าไตรมาส 1/2565 ถึง 14% สามารถแยกตามกลุ่มธุรกิจได้ดังนี้
กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงแรมและการบริการ ทุกเซกเมนท์เติบโตแข็งแกร่งต่อเนื่อง โดยเฉพาะกลุ่มรีสอร์ท ระดับลักซ์ซูรี และโรงแรมอื่น ๆ นอกกรุงเทพฯ ซึ่งสามารถเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่มีศักยภาพ (High-to-Luxury) สอดรับกับการเปิดประเทศเต็มรูปแบบ ทำให้มีดีมานด์การท่องเที่ยวช่วงเทศกาลปีใหม่สูงขึ้นอย่างเด่นชัด รายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก(RevPAR) จึงทำได้ถึง 4,152 บาท ซึ่งสูงกว่าปี 2562 ก่อนโควิดทำได้เพียง 3,549 บาท โตขึ้น 17 % ทำให้ไตรมาส1/2566 กลุ่มธุรกิจโรงแรมมีรายได้ 2,743 ล้านบาท คิดเป็นกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 1,091 ล้านบาทเติบโตแบบก้าวกระโดดเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีก่อน หรือเพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน 28.7 %
AWC มุ่งพัฒนาทรัพย์สินคุณภาพให้เป็นทรัพย์สินดำเนินงานเพื่อเพิ่มมูลค่าต่อเนื่อง ด้วยจำนวนห้องพักปัจจุบันรวม5,588 ห้อง เพิ่มขึ้นจากช่วงก่อนโควิด 63 % ภายในปี 2566 ยังมีแผนเดินหน้าเพิ่มพอร์ตคุณภาพในกลุ่มโรงแรมและการรีแบรนด์โรงแรม ได้แก่ 1.โรงแรม อินน์ไซด์ บาย มีเลีย กรุงเทพ สุขุมวิท 2.โรงแรม อินเตอร์คอนติเนนตัลเชียงใหม่ แม่ปิง 3.โรงแรม เลอ เมอริเดียน เชียงใหม่ รีแบรนด์เป็น โรงแรม แมริออท เชียงใหม่ โดยสรุปปีนี้จะเพิ่มเป็น 22 โรงแรม รว 6,036 ห้อง จากปี 2565 มี 20 โรงแรม
บริษัทฯยังจะร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลกเสริมความแข็งแกร่งทรัพย์สินคุณภาพในกลุ่มธุรกิจโรงแรมและการบริการ(Assets Enhancement) เช่น ร่วมกับ Accor รีแบรนด์จากโรงแรมแกรนด์ เมอร์เคียว แบงค็อก วินด์เซอร์ เป็นโรงแรม แฟร์มอนท์ แบงคอก สุขุมวิท แห่งแรกในเมืองไทย
กลุ่มที่ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์เพื่อประกอบกิจการค้า (Retail and Wholesale) ผู้เช่าเติบโตต่อเนื่องโดยได้แรงสนับสนุนจากผู้บริโภคและนักท่องเที่ยวออกมาใช้เงินกันมากขึ้น อย่างกลุ่มศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยวจึงทำให้รายได้เติบโตมากกว่าช่วงเดียวกันกับปีก่อน 114 %
ขณะนี้บริษัทฯ ยังมุ่งพัฒนาโครงการต่าง ๆ ให้สอดรับกับความต้องการและไลฟ์สไตล์ของกลุ่มผู้บริโภคที่หลากหลายเช่น 1.โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ผ่านประสบการณ์ “ALL DAY EVERYDAY HAPPINESS” 2.ร่วมพันธมิตรระดับโลกเปิด “Disney100 Village at Asiatique” 3.เปิดตัวห้องอาหาร “เดอะ คริสตัลล์ กริลล์ เฮาส์” และ “เดอะ สยาม ที รูมท์” เพื่อยกระดับเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เป็นจุดหมายปลายทางด้านอาหารและเครื่องดื่มระดับโลก ส่งผลให้โครงการเอเชียทีคฯ ขยับค่าเช่าพื้นที่สูงขึ้นสอดรับกับจำนวนลูกค้าที่เข้าใช้บริการเพิ่มขึ้นจากปีก่อน 250 %
4.เปิดตัว THE PANTIP LIFESTYLE HUB ที่เชียงใหม่ ภายใต้แนวคิด “EVERY HAPPINESS FOR EVERYONE” มุ่งสร้างแลนด์มาร์คไลฟ์สไตล์รองรับครอบครัวใจกลางเมืองเชียงใหม่ 5.AWC ร่วมกับพันธมิตรทภาครัฐและภาคเอกชน เมื่อเดือนเมษายน 2566 ขับเคลื่อนประเทศไทย เป็น “ศูนย์กลางค้าส่งอาหารของภูมิภาค” เปิดโมเดลค้าส่งอาหารรูปแบบใหม่โครงการ AEC FOOD WHOLESALE PRATUNAM ตอบโจทย์การค้าส่งอาหารครบวงจร พร้อมเชื่อมผู้ค้าส่งอาหารทั่วโลกกับผู้ซื้อในเขตเศรษฐกิจอาเซียน

ทางด้าน “ธุรกิจอาคารสำนักงาน” (Commercial) สร้างกระแสเงินสดให้บริษัทอย่างต่อเนื่อง จากความต้องการเช่าพื้นที่สำนักงานเกรด A ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ตอบรับเทรนด์อนาคตที่ผสมผสานการทำงานและไลฟ์สไตล์เข้าด้วยกัน ชูจุดเด่นเป็นสำนักงานที่ได้รับการรับรองมาตรฐานอาคารสีเขียว (Green Building) เมื่อไตรมาสที่ผ่านมา AWC เปิดตัว “Co-Living Collective: Empower Future” อาคารเอ็มไพร์เป็นครั้งแรก นำ Co-Living Space กว่า 1,500 ตร.ม. มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองไทยมาสร้างประสบการณ์พิเศษให้ผู้เช่าอาคาร ตอบโจทย์การทำงานและไลฟ์สไตล์ในที่เดียวกัน
นางวัลลภาย้ำว่า AWC ยังคงมุ่งเน้นความสามารถทำกำไร และควบคุมค่าใช้จ่ายอย่างมีประสิทธิภาพ ควบคู่กับการดำเนินการพัฒนาโครงการคุณภาพอย่างต่อเนื่องเพื่อสร้างทรัพย์สินดำเนินงานคุณภาพ เสริมความแข็งแกร่งของพอร์ตโฟลิโอและตอบสนองต่อความต้องการของกลุ่มลูกค้ายุคใหม่อยู่เสมอ สอดคล้องกับนโยบายส่งเสริมท่องเที่ยวจากภาครัฐ ทำให้เกิดมั่นคงและยั่งยืนตามพันธกิจ “สร้างสรรค์อนาคตที่ดีกว่า” นำธุรกิจเดินหน้าอย่างแข็งแกร่งต่อไป
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen