AWC โชว์ Q3/66 กำไรพันล้าน 9 เดือนกำไร 3.7 พันล้านทำรายได้ห้องพักเฉลี่ยแซงปี’62 แตะ 3,619 บาทต่อคืน



AWC โชว์ไตรมาส 3 ปี’66 กวาดรายได้ 4,666 ล้านบาท ทำกำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท รวม9 เดือนแรก กำไรสุทธิ 3,746 ล้านบาท โต 40%

  • ปลื้มทรัพย์สินดำเนินงานเปิดใหม่กว่า 10,000 ล้านบาท สร้างกระแสเงินสดโตก้าวกระโดด
  • ดันรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก 9 เดือนแรกปี’66 ทะลุ 3,619 บาท/ห้อง/คืน เพิ่ม 87.6 % จากปี’62

นางวัลลภา ไตรโสรัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร และกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท แอสเสท เวิรด์ คอร์ป จำกัด (มหาชน) “AWC” เปิดเผยว่า ผลประกอบการ AWC ไตรมาส 3 ปี 2566 ตามงบการเงินรวมมูลค่ายุติธรรม มีรายได้รวมกว่า 4,666 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 20.4 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน มีกำไรสุทธิ 1,136 ล้านบาท เติบโตท่ามกลางโลว์ซีซันอย่างต่อเนื่องแข็งแกร่ง ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมาสามารถผลักดันศักยภาพของทรัพย์สิน Ramp Up สู่ระดับการดำเนินงานปกติด้วยมูลค่ากว่า 12,500 ล้านบาท สร้างผลตอบแทนกระแสเงินสด (EBITDA Yield) สูงถึง 10.2%

ตลอดไตรมาส 3 ปี 2566 บริษัทมีทรัพย์สินดำเนินงานที่สร้างรายได้อยู่กว่า 85 % รวมมูลค่า 125,758 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 52 % เทียบกับช่วงก่อนโควิดปี 2562 สะท้อนศักยภาพการดำเนินงานตามกลยุทธ์ GROWTH-LED Strategy หลังการเปิดตัวโรงแรมและห้องอาหารหลากหลายแห่งตลอดไตรมาส 3 มูลค่ารวมกว่า 10,000 ล้านบาท

เมื่อรวมผลประกอบการ 9 เดือนแรก ระหว่างมกราคม-กันยายน 2566 ทุกธุรกิจในเครือ AWC เติบโตต่อเนื่อง มีกำไรจากการดำเนินงาน (อิบิทดากลุ่มธุรกิจ) 7,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 28.9 % เปรียบเทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อนเป็นผลมาจากธุรกิจและกลุ่ม ได้แก่

กลุ่มที่ 1 ธุรกิจโรงแรมและการบริการ (Hospitality) เติบโตขึ้นอย่างแข็งแกร่ง โดยเฉพาะกลุ่มโรงแรมในและนอกกรุงเทพฯ ดึงนักท่องเที่ยวเข้าพักเครือ AWC เพิ่มขึ้น สร้างรายได้เฉลี่ยต่อห้องพัก (RevPAR) 9 เดือนแรกสูงถึง3,619 บาท เพิ่มขึ้น 87.6 % จากช่วงเดียวกันกับปีก่อน

เฉพาะไตรมาส 3 ปี 2566 ทำกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) 692 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40.9 % เมื่อเปรียบเทียบราคาห้องพักและอัตราเข้าพัก (Revenue Generation Index หรือ RGI) ภาพรวมสูงกว่าค่าเฉลี่ยเมื่อเทียบกับโรงแรมในกลุ่มเดียวกันในพื้นที่ใกล้เคียง เช่น โรงแรม คอนยาร์ด บาย แมริออต ภูเก็ต ทาวน์ มีค่า RGI เท่ากับ 254 โรงแรมแบงค็อก แมริออต โฮเทล เดอะ สุรวงศ์ เท่ากับ 218

AWC ยังมุ่งเสริมความแข็งแกร่งพอร์ตโฟลิโอกลุ่มโรงแรมในทําเลยุทธศาสตร์ด้วยการเดินหน้าพัฒนาโครงการคุณภาพร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรระดับโลก สร้างทรัพย์สินกับกำไรจากการดำเนินงานเติบโต (EBITDA กลุ่มธุรกิจ) ต่อเนื่อง โดยได้พัฒนาทรัพย์สินคุณภาพผ่านการเปิดตัวโรงแรมและห้องอาหารชั้นนำระดับโลกมากมาย ส่งเสริมไทยเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวระดับโลก

ไตรมาส 3 ปี 2566 AWC มีจำนวนห้องพักรวม 6,034 ห้อง เพิ่มขึ้น 76 % เทียบกับก่อนโควิดปี 2562 โดยเปิดใหม่หลายโครงการ เช่น 1.โรงแรม INNSiDE by Meliá Bangkok Sukhumvit ออกแบบและก่อสร้างตามกรอบการรับรองมาตรฐานอาคาร EDGE -Excellence in Design for Greater Efficiency 2.โรงแรม อิตเตอร์ คอนติเนนตัล เชียงใหม่ เดอะ แม่ปิง เป็นลักซ์ชัวรี่ภายใต้แบรนด์อินเตอร์ติเนนตัลแห่งแรกของภาคเหนือ และทำเป็นพิพิธภัณฑ์มีชีวิตแห่งแรกของไทยที่จะได้สัมผัสวัฒนธรรมและศิลปะล้านนา และได้การรับรองมาตรฐาน LEED ด้านการออกแบบและก่อสร้างอาคาร และมาตรฐาน WELL Pre-certified แห่งแรกในภาคเหนือ มีพื้นที่จัดงานประชุมไมซ์ลักซ์ชัวรี่ใหญ่ที่สุด

รวมทั้งนำเสนอคอนเซ็ปต์เปิดห้องอาหารใหม่ที่มีเอกลักษณ์ ดึงดูดลูกค้าไลฟ์สไตล์ เช่น เปิดห้องอาหารจีน Yue Restaurant and Bar ในโรงแรมคอนยาร์ด บาย แมริออต ภูเก็ต ทาวน์ กับห้องอาหารญี่ปุ่นต้นตำรับระดับพรีเมี่ยมKissuisen รวม 4 ร้าน ในโรงแรมแบงค็อก แมริออต โฮเทล เดอะ สุรวงศ์ ปัจจุบัน AWC เปิดบริการแล้วทั้งหมด 22 โรงแรม

กลุ่มที่ 2 ธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการพาณิชย์ (Retail, Wholesale and Commercial) AWC ปรับกลยุทธ์เพิ่มความสามารถด้านการแข่งขันให้โครงการในพอร์ตโฟลิโอต่อเนื่อง พร้อมตอบสนองความต้องการลูกค้าและนักท่องเที่ยวปัจจุบัน เพื่อเสริมศักยภาพกระแสเงินสดเติบโตได้ระยะยาว

ไตรมาส 3 ปี 2566 มีกำไรจากการดำเนินงาน (EBITDA) ตามงบการเงิน 963 ล้านบาท เพิ่มขึ้น124.4 % เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน นำโดย “ธุรกิจรีเทล” ได้ปรับปรุงพัฒนาศูนย์การค้าให้เข้ากับกลยุทธ์การตลาด พร้อมทั้งทำศูนย์การค้าเพื่อการท่องเที่ยว เช่น โครงการเอเชียทีค เดอะ ริเวอร์ฟร้อนท์ เดสติเนชั่น ทำเป็นรีเทล-เทนเม้นท์ริมแม่น้ำใหญ่ที่สุด ช่วยเพิ่มนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติเข้ามาใช้บริการเพิ่มขึ้น

ธุรกิจค้าส่ง (Wholesale) AWC ร่วมกับ “Koelnmesse” ผู้จัดงานแสดงสินค้าชั้นนำระดับโลกจากเมืองโคโลญเยอรมนี ร่วมยกระดับอุตสาหกรรมการค้าส่งไทย สร้างเครือข่ายระดับโลกเชื่อมโยงพันธมิตร ผู้ซื้อและผู้ขายผ่านฐานเครือข่ายของทั้งสองกลุมเพื่อสนับสนุนไทยเป็นศูนย์กลางการสรรหาสินค้า (International Sourcing Hub) ที่แข็งแกร่งยั่งยืนในระดับภูมิภาค

ธุรกิจอาคารสำนักงาน (Commercial) สามารถสร้างกระแสเงินสดให้บริษัทต่อเนื่อง ไตรมาส 3 ปี 2566 ทำค่าเช่าเพิ่มขึ้น 4% เทียบช่วงเดียวกันกับปีก่อน เป็นผลจากกลยุทธ์การยกระดับอาคารสำนักงานให้เป็นจุดหมายปลายทางสำหรับองค์กรและคนทำงานรุ่นใหม่ทั่วโลก (Global Workforce Destination) เช่น เปิดตัว “Co-Living Collective: Empower Future” ในเอ็มไพร์ เพิ่มไลฟ์สไตล์สเปซแห่งใหม่รองรับเทรนด์อนาคตผสมผสานการทำงานและการใช้ชีวิตเข้าด้วยกัน และได้ต้อนรับ 2C2P บริษัทผู้ให้บริการแพลตฟอร์มการชำระเงินระดับโลก มาเปิดสำนักงานใหม่ในเอ็มไพร์ด้วย ช่วยร่วมขับเคลื่อนดิจิทัลอีโคซิสเต็มในอาคาร เชื่อมต่อผู้เช่าและพนักงานของบริษัทชั้นนำได้เป็นอย่างดี

ล่าสุดในไตรมาสที่ผ่านมา กลุ่มโรงแรมและศูนย์การค้าเครือ AWC กว่า 18 แห่งได้รับประกาศนียบัตร “ดาวแห่งความยั่งยืน” หรือ STAR” (Sustainable Tourism Acceleration Rating) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) สะท้อนความมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจอย่างความรับผิดชอบต่อเศรษฐกิจ สังคม สิ่งแวดล้อมและมีธรรมาภิบาลที่ดี

รวมทั้ง AWC ได้แสดงความมุ่งมั่นทำธุรกิจตามกลยุทธ์กรอบการพัฒนาที่ยั่งยืน 3BETTERs ผ่านโครงการ “AWC Stay to Sustain” ร่วมกับ ททท. และมูลนิธิแม่ฟ้าหลวง ในพระบรมราชูปถัมภ์ เดินหน้าอนุรักษ์และฟื้นฟูต้นไม้ในป่าชุมชน เพิ่มความหลากลายทางชีวภาพในระบบนิเวศ สร้างรายได้ในชุมชนผลักดันเศรษฐกิจประเทศในระยะยาวพร้อมสนับสนุนไทยสู่เป็นประเทศจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยั่งยืนระดับโลกต่อไป

เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen