

นายกฯ ขับเคลื่อนอุตสาหกรรม Aviation Hub เชื่อมั่นหลังขยายสิทธิ การบินไทย -อินเดีย เพิ่มที่นั่งบนเครื่องบินระหว่างกัน 7,000 ที่นั่ง/สัปดาห์ จะส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ขับเคลื่อน การดำเนินนโยบาย Aviation Hub ส่งเสริมการเดินทาง ระหว่างประเทศ ทำให้ไทย เป็นจุดหมายปลายทางสำคัญ อำนวยความสะดวก พัฒนาอุตสาหกรรม การบินของไทย สู่เป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการบิน ของภูมิภาค พร้อม ส่งเสริมการท่องเที่ยว
ทั้งนี้ ทางหน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ได้ดำเนินการ เจรจาสิทธิการบิน ระหว่าง ไทย-อินเดีย เป็น ผลสำเร็จ สู่การทำ ข้อตกลงร่วมกัน ในการเพิ่มที่นั่งในเที่ยวบิน ระหว่างไทย-อินเดีย ในเที่ยวบิน ที่เดินทางไปยัง 6 เมืองสำคัญ ของอินเดีย โดย จะสามารถ ดำเนินการได้ใน เดือนพฤศจิกายน 2567
เจรจาขยายสิทธิการบินไทย–อินเดีย
โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า หน่วยงาน ที่เกี่ยวข้อง ดำเนินนโยบาย ตามแนวทางที่ นายกรัฐมนตรี กำหนดวิสัยทัศน์
โดย สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (CAAT) ช่วงเดือน มีนาคม ที่ผ่านมา ได้หารือ ร่วมกับ คณะผู้แทน จากกระทรวงการบินพลเรือนอิน เดีย และ สายการบิน ของอินเดีย ประเด็น การขยายสิทธิ การบินไทย-อินเดีย
โดย จากผลการเจรจา ส่งผล ให้ทั้งสองฝ่าย จะได้รับสิทธิทำการบิน โดยมีจำนวนที่นั่ง เพิ่มขึ้น และ จะขยายสิทธิความจุ และ ความถี่เพิ่มขึ้นอีก ตามเงื่อนไข ว่า สายการบินฝ่ายใด ฝ่ายหนึ่งต้องทำการบิน ถึง 80% ของสิทธิ ที่ได้รับ
พร้อม ขยายการทำการบิน ไปยังเมืองสำคัญ เพิ่มขึ้นอีกฝั่งละ 7,000 ที่นั่งต่อสัปดาห์ หรือ ประมาณ 2,000 คนต่อวัน ไปยัง 6 เมือง ได้แก่ มุมไบ เดลี เจนไน กัลกัตตา บังคาลอร์ และไฮเดอราบาด
ทำการบินได้ในเดือนพฤศจิกายนปีนี้
ทั้งนี้ ทางหน่วยงาน ได้ประสานงาน สายการบินของไทย เพื่อ จัดสรรจำนวนที่นั่งให้เหมาะสม ตามที่ได้รับมา ให้สามารถ ทำการบินได้ในเดือนพฤศจิกายน 2567 และ ให้สายการบินของไทย ดำเนินการด้าน การขออนุญาตทำการบินเข้า และ การขอเวลาการทำการบินตามเส้นทางที่ได้รับการจัดสรรจากหน่วยงานฝั่งอินเดีย ซึ่งผลการเจรจาครั้งนี้จะทำให้สายการบินของไทยและอินเดียสามารถทำการบินระหว่างกันได้มากขึ้น
อีกทั้งจะช่วยส่งเสริมการเดินทางไปยังเมืองหลักและเมืองรอง เพิ่มปริมาณการเดินทาง ให้สอดรับกับการขยายมาตรการยกเว้นการตรวจลงตราหนังสือเดินทาง ส่งเสริมการเดินทางและการท่องเที่ยวของทั้งสองประเทศ รวมทั้ง ผลจากการดำเนินมาตรการยกเว้นการตรวจลงตรา (Visa Free) ให้กับนักท่องเที่ยวชาวอินเดียของไทย ระหว่างช่วงวันที่ 10 พฤศจิกายน 2566 – 10 พฤษภาคม 2567 และได้มีการขยายเวลามาตรการดังกล่าวออกไปจนถึง 11 พฤศจิกายน 2567 ส่งผลให้มีนักท่องเที่ยวอินเดียจำนวนมากเดินทางมายังประเทศไทย
โดยตลอดทั้งปี 2566 พบว่ามีนักท่องเที่ยวชาวอินเดียมาเยือนประเทศไทยเป็นจำนวนมากกว่า 1.62 ล้านคน นอกจากนี้ ข้อมูลเมื่อวันที่ 1 มกราคม – 9 มิถุนายน 2567 พบว่าประเทศไทยมีนักท่องเที่ยวอินเดียมาเยือนเป็นจำนวน 903,248 คน โดยมีความเชื่อมั่นว่าข้อตกลงในการจัดสรรสิทธิการบินดังกล่าว จะสามารถรองรับการเพิ่มขึ้นของนักท่องเที่ยวอินเดียได้อย่างมีนัยสำคัญ
“นายกรัฐมนตรีสนับสนุนให้ไทยเป็นหนึ่งในจุดหมายปลายทางที่สำคัญสำหรับนักท่องเที่ยว และที่ผ่านมานักท่องเที่ยวอินเดียเป็นอีกกลุ่มที่นิยมเดินทางมาท่องเที่ยวประเทศไทย จึงเชื่อมั่นว่าการเพิ่มจำนวนที่นั่งเที่ยวบินในครั้งนี้ถือเป็นก้าวสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างไทยและอินเดียซึ่งเป็นประเทศที่มีความสำคัญในภูมิภาคเอเชียใต้ และเป็นโอกาสขยายความร่วมมือไปยังมิติอื่นที่ยังมีโอกาสของการเจริญเติบโต อาทิ ความร่วมมือภาคประชาชน อุตสาหกรรมภาพยนตร์ เทคโนโลยี ขับเคลื่อนกลไกความร่วมมือเพื่อต่อยอดสู่การเป็นหุ้นส่วนทางยุทธศาสตร์จริงต่อไป” นายชัย กล่าวฯ
ข่าวที่เกี่ยวข้อง : การบินไทย รับลูกเรือใหม่ วัยไม่เกิน 30 ปี สัญญาจ้างทุก 3 ปี