3ปมการเมืองไทย ร้อนฉ่า 7-14-22 สิงหาฟ้าประทาน

3ปมการเมืองไทยร้อนฉ่า


วาระ การเมืองไทย เดือนสิงหาคมที่จะถึงนี้ ภาษาวัยรุ่นเขาว่า “จุกๆ” เพราะ “การเมืองออร์เคสตรา” จะเริ่มบรรเลงกันกระหึ่ม ตั้งแต่ต้นสัปดาห์!!! มี 3ปมการเมืองไทย ร้อนฉ่า ที่ต้องจับตาอย่างไม่กะพริบ

7สิงหา ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยยุบพรรคก้าวไกล

3ปมการเมืองไทย เริ่มต้นที่ “พรรคก้าวไกล” 7 ส.ค. 2567 ศาลรัฐธรรมนูญ นัดวินิจฉัยจะยุบพรรคก้าวไกลหรือไม่ จากกรณีที่มีผู้ยื่นร้องต่อศาลว่า “พิธา ลิ้มเจริญรัตน์” หัวหน้าพรรค และพรรคก้าวไกล ช่วงเลือกตั้งหาเสียง มีพฤติกรรมล้มล้างการปกครอง เนื่องจากหาเสียงกับประชาชนว่า จะเสนอร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ…. . เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112

ช็อตแรก ศาลรัฐธรรมนูญชี้ไปแล้วว่าพรรคก้าวไกลล้มล้างการปกครอง ส่วนช็อต 7ส.ค.ที่กำลังจะถึงนี้ มาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ร้องให้ศาลวินิจฉัยว่าจะ #ยุบพรรค หรือไม่ ซึ่งเป็นผลมาจากช็อตแรกนั่นเอง  

อย่างไรก็ตาม กระแสการเมืองค่อนข้างปักใจเชื่อว่า “ก้าวไกล” จะโดนยุบ ฉะนั้น นอกจากชื่อขวดใหม่ที่เหล้าเก่าจะใช้เป็นที่อยู่ สิ่งที่ต้องจับตาอีกประเด็นหนึ่ง คือ “ปดิพัทธ์ สันติภาดา” จะต้องพ้นจากตำแหน่ง “รองประธานสภาผู้แทนราษฎร” ด้วย

สาเหตุมาจากเพราะขณะเกิดเหตุช่วงหาเสียง “ปดิพัทธ์” เป็นหนึ่งในกรรมการบริหารพรรคก้าวไกล ดังนั้น หากครั้งนี้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยออกมาเป็นผลลบ “ปดิพัทธ์” ก็ต้องรับผิดชอบไปด้วย แม้ในตอนหลังจะย้ายไปเป็นสส.พรรคเป็นธรรมแล้วก็ตามที

ล้างไพ่แบ่งเค้กฝ่ายนิติบัญญัติรอบใหม่

เท่ากับเป็นช่องทางให้ฝ่ายรัฐบาลล้างไพ่ตำแหน่งสำคัญในฝ่ายนิติบัญญัติทันที โดยมีความเป็นไปได้ว่า “พรรคเพื่อไทย” จะเข้ามาจัดระเบียบเก้าอี้รอบใหม่ หลังจากที่มี “ปดิพัทธ์” อยู่เป็นก้อนกรวดในรองเท้ามาเกือบปี

แถม ขณะนี้เริ่มมีเสียงเล็ดลอดจากหน่วยปฏิบัติการณ์ทวงคืนเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎร จาก “วันมูหะมัดนอร์ มะทา” อีกด้วย ว่ากันว่า “อาจารย์วันนอร์” ขออยู่จนเสร็จสิ้นพิธีสำคัญของประเทศ เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยสมุนเพื่อไทยจึงทำหน้าที่ ดึงเก้าอี้ประธานรัฐสภาและประธานสภาฯ กลับพรรค

อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้ยังไม่มีรายงานที่แน่ชัดว่าเป็นความประสงค์ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งในพรรคเพื่อไทย หรือเป็นความต้องการของผู้ใหญ่ในพรรค

ตัดฉากกลับมายุทธศาสตร์ยุบพรรคเตะตัดขาดาวรุ่ง คงเป็นวิธีเก่าๆที่ใช้ไม่ได้ผล เพราะพิสูจน์ตั้งแต่ที่พรรคแดงโดนยุบแล้วยุบอีก แต่ความนิยมในหมู่ประชาชนไม่ได้ลดน้อยถอยลงไป ฉันใดก็ฉันนั้น ความนิยมของ “พรรคก้าวไกล” ก็เหมือนพรรคทักษิณย้อนไปเมื่อ 20 ปี

ขณะนี้ประชาชนเบื่อหน่ายกับการเมืองเก่า น้ำเน่า ที่วนลูป มิหนำซ้ำยังถอยหลังลงคลอง ขณะเดียวกันประชาชนบางส่วนต้องการก้าวใหม่ที่ทำให้ประเทศเจริญ และเชื่อว่า “พรรคก้าวไกล” คือความหวังใหม่ รวมถึงมองว่ายังคงเป็นพรรคเดียวที่มีจริตต่อประเด็นต่างๆ คล้ายคลึงกับคนหมู่มากของสังคม

14สิงหา ลุ้น“เศรษฐา”พ้นนายกฯกระทบภาพรวมเศรษฐกิจ

ต่อมาวันที่ 14 ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญนัดวินิจฉัยชี้ขาด กรณี สมาชิกวุฒิสภา 40 คน รวมตัวกัน ร้องขอให้ “เศรษฐา ทวีสิน” พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เนื่องจากแต่งตั้ง “พิชิต ชื่นบาน” เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

ทั้งที่ “พิชิต” ฉายาทนายถุงขนม เคยถูกศาลฎีกามีคำสั่งจำคุกเป็นเวลา 6 เดือนในความผิดฐานละเมิดอำนาจศาล เป็นบุคคลที่กระทำการอันไม่ซื่อสัตย์สุจริต และมีพฤติกรรมอันเป็นการฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 160 (4) และ (5)

เรื่องนี้ถือเป็นเรื่องใหญ่ระดับประเทศ เพียงแค่มีข่าว “เศรษฐา” ถูกยื่นถอดจากตำแหน่งนายกฯ ก็พอจะทำให้นักลงทุนชะงักการลงทุน ตลาดหุ้นหยุดชะลอ ระบบเศรษฐกิจได้รับผลกระทบเป็นโดมิโน เพราะถูกมองว่ารัฐบาลกำลังสั่นคลอน ไม่มีเสถียรภาพ

เพราะถ้า “เศรษฐา” ไม่ได้เป็นนายกฯจริงๆแล้ว แสดงว่ากิจการงาน ธุรกิจ ความร่วมมือต่างๆที่เคยเจรจาเป็นอันต้องพับเก็บ จนกว่าจะได้รัฐบาลใหม่ เนื่องจากตามกฎหมายกำหนดไว้ว่าเมื่อนายกฯพ้นจากตำแหน่ง จะต้องพ้นทั้งคณะรัฐมนตรี ซึ่งก็จะมีความยุ่งยากในการจัดตั้งรัฐบาลอีกระลอก

ในทางตรงกันข้าม หาก “นายกฯเศรษฐา” ได้บริหารประเทศต่อ งานต่างๆก็จะดำเนินต่อเนื่อง โดยเฉพาะ “ดิจิทัลวอลเล็ต” โครงการเรือธงของรัฐบาล ที่ประชาชนต่างรอคอยเงินหมื่น ตามที่พรรคเพื่อไทยหาเสียงไว้ ทว่า การบริหารประเทศใดๆ ก็จะยังคงถูกมองว่า “เศรษฐา” ยังอยู่ภายใต้เงาของตระกูล “ชินวัตร” ที่ปกคลุมในทุกๆเรื่องของรัฐบาล ส่งผลกระทบถึงภาวะผู้นำประเทศ และเกิดคำถามว่าใครกันแน่ คือนายกฯตัวจริง

22สิงหา “ทักษิณ” พ้นโทษ แต่ยังเป็นจำเลย ม.112

ยิ่งถ้า “ทักษิณ ชินวัตร” พ้นโทษและได้ใบบริสุทธิ์ ในวันที่ 22 ส.ค. ซึ่งเป็นอีกหนึ่งวันที่คอการเมืองรอคอย หลายฝ่ายกำลังเฝ้ามอง “ตัวพ่อการเมือง” จะเคลื่อนไหวอย่างไร???

ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา “ทักษิณ” ถูกมองว่าตามกฎหมายเป็นคนนอกแต่ครอบงำพรรคเพื่อไทยเสมอมา เมื่อโอกาสพ้นโทษมาถึง พร้อมกับ “วิษณุ เครืองาม” ที่ปรึกษาของนายกฯ เจ้าของฉายา “เนติบริกร” ออกมาพูดเป็นไกด์ไลน์ว่า  “ต้องดูว่านายทักษิณ หลังจากพ้นโทษแล้วจะกลับมาเป็นสมาชิกพรรค ถ้าเป็นสมาชิกพรรคก็ไม่เรียกว่าครอบงำ แต่ถ้าไม่ได้เป็นก็ต้องดูว่ามาทำอะไร” จึงมีการคาดคะเนกันว่า “ทักษิณ” จะสมัครเป็นสมาชิกเพื่อไทย เพื่อความคล่องตัว เข้าออกพรรค วิดีโอคอลเข้าที่ประชุมสส.ของพรรคได้ โดยไม่ต้องหลบซ่อนอีกต่อไป

แต่คงจะใช้คำว่า“อิสระเสรีภาพ” กับ “ทักษิณ”เลย คงยังไม่ได้ เพราะในทางการเมือง เขาจะโดนเช็คบิลเมื่อไหร่ ตอนไหนย่อมได้ เนื่องจากยังเป็นจำเลยในคดีมาตรา112

สำหรับความคืบหน้าเรื่องนี้ ศาลอาญารับฟ้อง และอนุญาตปล่อยชั่วคราว กับให้ “ทักษิณ” วางหนังสือเดินทาง ยึดหนังสือเดินทาง และหลักประกันทำสัญญา ห้ามเดินทางออกนอกราชอาณาจักร เว้นแต่ได้รับอนุญาตจากศาล ทั้งนี้ วันที่ 19 ส.ค.นี้ ศาลนัดตรวจพยานหลักฐานคดีทั้งสองฝ่าย

ด้วยเหตุนี้ การแสดงออกของ “ทักษิณ” จึงไม่เป็นอย่างที่หลายฝ่ายคาดการณ์ ขืนกระทำการใดๆที่อาจโดนมองว่าเป็นการล้ำเส้น ล้วงลูกเกินฐานะ ก็อาจได้เห็นฟ้าผ่ากลางวันแสกๆก็เป็นได้

เอสเปรสโซ

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : ศาลรัฐธรรมนูญยุติไต่สวนยุบพรรคก้าวไกล นัดฟังคำวินิจฉัย 7ส.ค.67