AOT ลุยเปิดอาคาร SAT-1 สนามบินสุวรรณภูมินำร่องซอฟท์โอเพ่นนิ่ง 28 ก.ย.66 เริ่มก่อน 2 แอร์ไลน์พ.ย.66 จัดเต็ม 10 แอร์ไลน์
- นโยบายวีซ่าฟรีจีนนายกฯ เศรษฐาดันเที่ยวบินจีนเข้าสุวรรณภูมิเพิ่ม 2 เท่า
- สั่งเพิ่ม ตม. 400 นาย แก้ปัญหาคอขวดตรวจคนเข้าเมือง
- ร้านค้าดิวตี้ฟรี ร้านอาหาร เลาจน์หรูทั้ง เฟิร์สคลาสและธุรกิจ ทยอยเปิดพรึบ ปี 67 ดึงผู้โดยสารใช้สุวรรณ 60 ล้านคน
ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ ผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “ทอท./AOT” เปิดเผยว่า ตนและนายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พร้อมด้วยคณะผู้บริหารท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ(ทสภ.) นำคณะสื่อมวลชนทั้งไทยและต่างประเทศกว่า 200 คน เข้าเยี่ยมชมอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1) สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ เตรียมเปิดอย่างไม่เป็นทางการตั้งแต่วันที่ 28 กันยายน 2566 เป็นไปนำร่องช่วง 1 เดือนแรก จะให้บริการเที่ยวบินระหว่างประเทศของ 2 สายการบิน คือ ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ กับไทยเวียตเจ็ท ช่วงเริ่มต้นทดลองให้บริการรวมกันประมาณวันละ 20 เที่ยวบิน ส่วนใหญ่จะบินไป-กลับ ไทย และประเทศในแถบเอเชีย โดยมีสาธารณรัฐประชาชนจีนเป็นหลัก ขานรับนโยบายวีซ่าฟรีนักท่องเที่ยวจีนของรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน
ซึ่งนโยบายวีซ่าฟรีจีน จะเกิดประโยชน์โดยตรงกับผู้โดยสารจีนเข้าออกสุวรรณภูมิจ ตลอด 5 เดือนแรก ระหว่าง 25 กันยายน 2566-29 กุมภาพันธ์ 2567 จะทำให้มีผู้โดยสารจีน ใช้บริการเที่ยวบินเข้าออกสุวรรณภูมิรวมเพิ่มขึ้นจากปัจจุบันเป็น 2 เท่า ขยับจากเดือนละ 200 เที่ยวบิน ผู้โดยสารเดือนละ 250,000 คน เป็น 300 เที่ยวบิน ผู้โดยสาร620,000 คน จะทำให้นักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเที่ยวเมืองไทยเป็นไปตามเป้าหมายปีนี้ ได้ถึง 5 ล้านคน จากปัจจุบันเข้ามาไทยแล้วกว่า 2.4 ล้านคน
ส่วนปัญหาเร่งด่วนที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี ที่เดินทางมาต้อนรับนักท่องเที่ยวจีนที่ใช้วีซ่าฟรีเที่ยวบินแรกเข้ามาสุวรรณภูมิเมื่อช่วงเช้าวันที่ 25 กันยายน 2566 ที่สนามบินสุวรรณภูมิ ได้สั่งการให้แก้ปัญหาคอขวดในสุวรรณภูมิเร่งด่วน เรื่องการเพิ่มกำลังคนตำรวจคนเข้าเมือง 2 อีก 400 นาย ดูแลการตรวจหนังสือเดินทางได้ตลอด24 ชั่วโมง และนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี จะมาตรวจเยี่ยมอาคาร SAT -1 สุวรรณภูมิ ในวันที่ 29 กันยายน 2566 ช่วงก่อนเดินทางขึ้นเครื่องภูเก็ต
ตามแผนอาคารผู้โดยสารSAT -1 สุวรรณภูมิ จะเปิดอย่างเป็นทางการได้ตั้งแต่กลางเดือน พฤศจิกายน 2566 เป็นต้นไป แลในโอกาสสุวรรณภูมิครบ 17 ปี ขณะนี้มีสายการบินนานาชาติเตรียมพร้อมจะใช้บริการอาคารหลังดังกล่าวแล้ว 7-10 สายการบิน ได้แก่ สายการบินจากตะวันออกกลาง อย่าง เอมิเรตส์ (เมืองดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส) เอทิฮัด (เมืองอาบูดาบี สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์) การ์ต้าแอร์เวยส์ (ประเทศการ์ต้า) มหันต์แอร์ (อิหร่าน) ออนนิปปอนแอร์ไลน์ (ญี่ปุ่น) ไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ ไทยเวียตเจ็ท รวมทั้งสแกนดิเนเวีย (ยุโรป) และการบินไทย กำลังอยู่ในขั้นตอนการเจรจาด้วยเช่นกัน
ส่วนการเปิดบริการอาคาร SAT -1 สุวรรณภูมิ จะเน้นการอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารของสายการบินลูกค้าให้มากที่สุด โดยจะให้บริการแบบรีโมท ซึ่งจะมีทั้งหมด 28 หลุมจอด และจะไม่มี bus gate เพื่อให้สายการบินลูกค้าซึ่งใช้เครื่องบินขนาดใหญ่ซูเปอร์จัมโบ้ แอร์บัส A380 โบอิ้ง 747-800 สามารถลำเลียงผู้โดยสารเข้าออกได้อย่างสะดวกสบาย
ภายในอาคาร SAT-1 ได้ทยอยเปิดบริการ Common Use Louge รองรับผู้โดยสารชั้นเฟิร์สคลาสกับชั้นธุรกิจของผู้สารสายการบินต่าง ๆ และผู้ถือบัตรสมาขิก ซึ่งเป็นของ AOT บริหารโดยเครือมิราเคิล และเมื่อเปิดครบจะมีเลาจน์ผู้โดยสารใน SAT-1 ทั้งหมด 6 เลาจน์ เป็นของ AOT กับของสายการบินลูกค้าอย่าง เอมิเรตส์ เอทิฮัด
ดร.กีรติ กล่าวว่าปี 2567 จะมีผู้โดยสารใช้สนามบินสุวรรณภูมิรวมประมาณ 60 ล้านคน/ปี (จากอาคารหลังหลัก 45 ล้านคน และอาคาร SAT-1ก 15 ล้านคน) จำนวนผู้โดยสารจะใกล้เคียงหรือมากกว่าช่วงสถานการณ์ปกติปี 2562 และโดยภาพรวมจะมีผู้โดยสารฟื้นใช้สนามบินในความดูแลทั้ง 6 แห่ง กลับสู่ปกติปีละประมาณ 120 ล้านคน
นายกิตติพงศ์ กิตติขจร ผู้อำนวยการ สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ กล่าาวว่า ได้นำคณะสื่อมวลชนเยี่ยมชมเส้นทางผู้โดยสารทั้งขาออกและขาเข้าระหว่างประเทศ โดยเดินทางระหว่างอาคารผู้โดยสารหลักและอาคาร SAT-1 รวมทั้งร่วมทดสอบบริการระบบขนส่งผู้โดยสารอัตโนมัติ (Automated People Mover: APM) และรับฟังข้อมูลขั้นตอนการให้บริการต่างๆ จากนั้นได้เยี่ยมชมสิ่งอำนวยความสะดวกตลอดจนระบบต่างๆ ภายในอาคาร SAT-1
ซึ่งผ่านการทดลองปฏิบัติการเต็มรูปแบบอาคารเทียบเครื่องบินรองหลังที่ 1 (SAT-1 Full – Scale Trial Operations) เรียบร้อยแล้ว ทางสุวรรณภูมิได้ปฏิบัติการร่วมกับสายการบิน ผู้ประกอบการให้บริการภาคพื้น และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ทั้งหมด 3 ครั้ง เมื่อวันที่ 8 และ 12 กันยายน 2566 ช่วงเวลากลางวัน และวันที่ 20 กันยายน 2566 ช่วงเวลากลางคืน เพื่อสร้างความมั่นใจในความพร้อมสำหรับการเปิดให้บริการอย่างไม่เป็นทางการ ในวันที่ 28 กันยายน 2566 เป็นต้นไป ซึ่งจะช่วยเพิ่มขีดความสามารถในการรองรับผู้โดยสารจาก 45 ล้านคนต่อปีเป็น 60 ล้านคนต่อปีต่อ
สำหรับวันเปิดอย่างไม่เป็นทางการ จะมีไทยแอร์เอเชียเอ็กซ์ แลไทยเวียตเจ็ท บริการเที่ยวบินแรกที่อาคาร SAT-1 รวมทั้งจะทยอยเปิดบริการพื้นที่เชิงพานิชย์และร้านอาหารที่มีชื่อเสียงได้รับความนิยม เช่น แมคโดนัลด์ และอื่น ๆ ต่อเนื่องถึงบริการเคาน์เตอร์ส่งมอบสินค้าปลอดอากร ร้านค้าดิวตี้ฟรี ร้านอาหาร และห้องรับรองพิเศษผู้โดยสาร ไปจนกว่า จะมีผู้โดยสารใช้บริการ้ต็มพื้นที่ต่อไป
สำหรับในอาคาร SAT-1 สุวรรณภูมิ ยังคงมีแผนเดินหน้าการลงทุนต่อเนื่อง โครงการ พัฒนาระบบสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารขาเข้าเรียกระบบ ICS ภายใต้กรอบวงเงินประมาณหลัก ที่จะใช้ประมาณ 3,700 ล้านบาทตามขั้นตอนจะใช้เวลาดำเนินการแล้วเสร็จในอีก 2 ปีหน้า ขยายจากปัจจุบันมีเฉพาะสายพานลำเลียงกระเป๋าสัมภาระผู้โดยสารขาออกเป็นหลักเท่านั้น ใช้เวลาลำเลียงจากลานจอดไปยังสายพานรับกระเป๋าได้ภายใน 17-20 นาที
เรื่องโดย…#เพ็ญรุ่ง ใยสามเสน #Gurutourza, www.facebook.com/penroongyaisamsaen
