AOT โฉมใหม่ ใช้ไบโอเมตริก 6 สนามบิน 1 ธ.ค.นี้-ปี’68 รับ 130 ล้านคน

AOT โฉมใหม่ ใช้ไบโอเมตริก 6 สนามบิน 1 ธ.ค.นี้-ปี’68 รับ 130 ล้านคน
บมจ.ท่าอากาศยานไทย “AOT” ใช้ระบบใหม่ “ไบโอเมตริก” สแกนใบหน้าผ่านเข้าออก 6 สนามบิน เดินทางในประเทศ เริ่ม 1 พ.ย.2567 บินต่างประเทศเริ่ม 1 ธ.ค.2567


AOT พลิกโฉมใหม่เปิดใช้ “ไบโอเมตริก” 6 สนามบิน แนะผู้โดยสารเตรียมความพร้อมด่วน “บินในประเทศ” ดีเดย์ 1 พ.ย.67 “บินต่างประเทศ” เริ่ม 1 ธ.ค.นี้ รับมือปี’68 คาดผู้โดยสารไทยและต่างชาติใช้บริการ 130 ล้านคน 8 แสนเที่ยวบิน

ดร.กีรติ กิจมานะวัฒน์ กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) “AOT” เปิดเผยว่า AOT เปิดบริการเทคโนโลยีสมัยใหม่นำระบบพิสูจน์อัตลักษณ์บุคคล (Automated Biometric Identification System: Biometric) หรือ “ไบโอเมตริก” ด้วยเทคโนโลยีสแกนใบหน้า (Facial Recognition) มาใช้ระบุตัวตนผู้โดยสารล่าสุดได้พัฒนาและทดสอบระบบฯ พร้อมใช้งานเพิ่มความสะดวกสบาย รวดเร็ว ลดระยะเวลารอคิวแต่ละจุดบริการภายในท่าอากาศยาน AOT ทั้ง 6 แห่ง ได้แก่ สุวรรณภูมิ (ทสภ.) ดอนเมือง (ทดม.) เชียงใหม่ (ทชม.) แม่ฟ้าหลวง เชียงราย (ทชร.) ภูเก็ต (ทภก.) และหาดใหญ่ (ทหญ.) ซึ่งผู้โดยสารจำเป็นต้องยินยอมให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคล

AOT เน้นบริการด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่
AOT เน้นบริการด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่เพิ่มความสะดวกรวดเร็วให้ผู้โดยสารคาดการณ์ปี 2568 จะมีมากถึง 130 ล้านคน

“ผู้โดยสาร” ที่เดินทางกับเที่ยวบินภายในประเทศจะได้ใช้งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 พฤศจิกายน 2567 เป็นต้นไป และ “ผู้โดยสาร” ที่เดินทางกับเที่ยวบินระหว่างประเทศทั้งคนไทยและนานาชาติทั่วโลก จะได้ใช้งานเริ่มตั้งแต่วันที่ 1 ธันวาคม 2567 เป็นต้นไป  

AOT เปิดให้ผู้โดยสารลงทะเบียนใช้งานระบบไบโอเมตริก เมื่อมาเช็กอินที่สนามบินได้ 2 วิธี ได้แก่

  • วิธีที่ 1 เช็กอินที่เคาน์เตอร์เช็กอินผู้โดยสารแจ้งเจ้าหน้าที่สายการบินให้ลงทะเบียนใบหน้าในระบบไบโอเมตริกผ่านเครื่องตรวจบัตรโดยสาร (CUTE)
  • วิธีที่ 2 เช็กอินที่เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ(CUSS) หลังจากเช็กอินเสร็จแล้วให้ผู้โดยสารเลือกสายการบินที่เดินทาง แล้วก็เลือก “Enrollment” จากนั้นให้สแกนบาร์โค้ดจากบัตรโดยสารขึ้นเครื่อง (Boarding Pass) เสียบหนังสือเดินทาง (Passport) หรือบัตรประชาชน ขั้นตอนสุดท้ายให้สแกนใบหน้า

การลงทะเบียนทั้ง 2 วิธี เครื่องจะจัดเก็บข้อมูลใบหน้าและข้อมูลเอกสารการเดินทางของผู้โดยสารด้วยToken ไว้ในระบบ 

เมื่อดำเนินการเรียบร้อยแล้วถือว่า “ผู้โดยสารได้ให้ความยินยอม” ให้ใช้ข้อมูลอัตลักษณ์บุคคลแล้ว ซึ่งจะยินยอมให้ใช้ข้อมูลไบโอเมตริกกับการเดินทางเพียงครั้งเดียวเท่านั้น ซึ่งทางผู้โดยสารจะโหลดกระเป๋าสัมภาระผ่านเครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ (เครื่อง CUBD) กับไปผ่านจุดตรวจค้น ต่อเนื่องถึงขั้นตอนขึ้นเครื่อง โดยไม่ต้องแสดงพาสปอร์ตและบอร์ดดิ้งพาสส์อีกต่อไป 

ดร.กีรติ กล่าวว่า AOT มั่นใจระบบไบโอเมทริคมีความพร้อมอำนวยความสะดวกให้ผู้โดยสารทั้งผู้โดยสารในและระหว่างประเทศจะได้รับความสะดวกสบาย รวดเร็ว ใช้เวลาน้อย และมีเวลาเพียงพอจะเดินเล่น เลือกซื้อสินค้าปลอดอากรและของฝาก รับประทานอาหาร พักผ่อนหย่อนใจ ช่วงที่ผ่านมา AOT ได้ติดตั้งระบบบริการผู้โดยสารขึ้นเครื่องหรือ CUPPS (Common Use Passenger Processing System) สนับสนุนการให้บริการทั้งหมด 5 ระบบ ได้แก่

1.เครื่อง CUTE เครื่องตรวจบัตรโดยสารซึ่งใช้งานโดยเจ้าหน้าที่สายการบิน 2.เครื่อง CUSS เครื่องเช็กอินด้วยตนเองอัตโนมัติ) 3.เครื่อง CUBD เครื่องรับกระเป๋าสัมภาระอัตโนมัติ 4.ระบบ PVS (Passenger Validation System) ใช้ตรวจสอบยืนยันตัวตนผู้โดยสาร 5.ระบบ SBG (Self-Boarding Gate) หรือระบบประตูทางออกขึ้นเครื่อง ทั้ง 5 ระบบนี้ได้ติดตั้งเพื่อรองรับระบบไบโอเมทริคไว้เรียบร้อยแล้ว และเมื่ทั้งหมด 6 ระบบมีการใช้งานและเชื่อมต่อกันครบวงจร ก็จะทำให้ข้อมูลต่าง ๆ ถูกเชื่อมโยงเข้าสู่เครือข่ายอย่างสมบูรณ์

ดร.กีรติ กล่าวว่า แผนจัดตารางบินฤดูหนาว 2024/2025 ปี 2567/68ท่าอากาศยาน AOT ทั้ง 6 แห่ง จะมี “เที่ยวบิน” รวม 370,239 เที่ยว เพิ่มขึ้นจากฤดูหนาวปีก่อน 22.1% แบ่งเป็น “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” 222,780 เที่ยว เพิ่มขึ้น 33.1% “เที่ยวบินภายในประเทศ” 147,459 เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.5% มีแนวโน้ม “จำนวนผู้โดยสารรวม” ทั้งในและระหว่างประเทศจะเพิ่มขึ้น 23% ส่วน “เส้นทางระหว่างประเทศ” มีผู้โดยสารเดินทางเข้าไทย 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน มาเลเซีย อินเดีย สิงคโปร์ และฮ่องกง

ปีงบประมาณ 2568 ระหว่างตุลาคม 2567 – กันยายน 2568 ทาง AOT คาดการณ์แนวโน้มไว้ดังนี้

  • ส่วนที่ 1 จำนวนผู้โดยสาร ใช้บริการรวมกว่า 129.97 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันปีนี้ 8.95% แบ่งเป็น “ผู้โดยสารระหว่างประเทศ” 78.61 ล้านคน เพิ่มขึ้น 8.17% “ผู้โดยสารภายในประเทศ” 51.36 คน เพิ่มขึ้น 10.18%
  • ส่วนที่ 2 ปริมาณเที่ยวบินรวม 808,280 เที่ยว เพิ่มขึ้น 10.32% แบ่งเป็น “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” ประมาณ 453,750 เที่ยว เพิ่มขึ้น 9.02% และ “เที่ยวบินภายในประเทศ”ประมาณ 354,530 เที่ยว เพิ่มขึ้น 12.02% ประกอบด้วย

สุวรรณภูมิ จะมีผู้โดยสาร 64.44 ล้านคน เพิ่มขึ้น 7.40% มีเที่ยวบิน 376,820 เที่ยว เพิ่มขึ้น 8.69% 

ดอนเมือง จะมีผู้โดยสาร 33.2 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.91% มีเที่ยวบิน 223,200 เที่ยว เพิ่มขึ้น 13 %

@ปี’67ผู้โดยสาร6สนามบินพุ่ง119ล้านคน7.32เที่ยวบิน

ขณะที่ปีงบประมาณ 2567 ระหว่างตุลาคม 2566 – กันยายน 2567 มีปริมาณจราจรทางอากาศในสนามบินทั้ง 6 แห่ง ดังนี้

  • ส่วนที่ 1 ปริมาณผู้โดยสาร ใช้บริการกว่า 119.29 ล้านคน เพิ่มขึ้นจากช่วงเดียวกันกับปีก่อน 19.22% แบ่งเป็น “ผู้โดยสารระหว่างประเทศ” 72.67 ล้านคน เพิ่มขึ้น 34.82% แยกผู้โดยสารตามสัญชาติ 5 อันดับแรก ได้แก่ จีน อินเดีย เกาหลีใต้ รัสเซีย และญี่ปุ่น และมี “ผู้โดยสารภายในประเทศ”46.62 ล้านคน เพิ่มขึ้น 1.01%
  • ส่วนที่ 2 ปริมาณเที่ยวบิน มีรวม 732,690 เที่ยว เพิ่มขึ้น 14.5% แบ่งเป็น “เที่ยวบินระหว่างประเทศ” 416,190 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 29.63% และ“เที่ยวบินภายในประเทศ” 316,500 เที่ยว ลดลง 0.73% กระจายตามสนามบินต่าง ๆ ดังนี้

สุวรรณภูมิ มีผู้โดยสาร 60 ล้านคน เพิ่มขึ้น 24.04% มีเที่ยวบิน 346,680 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 17.88% ดอนเมือง มีผู้โดยสาร 29.15 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.25% มีเที่ยวบิน 197,250 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 11.47% เชียงใหม่ มีผู้โดยสาร 8.82 ล้านคน เพิ่มขึ้น 13.14% มีเที่ยวบิน 57,780 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 9.68% 

แม่ฟ้าหลวงเชียงราย มีผู้โดยสาร 1.9 ล้านคน ลดลง 1.96% มีเที่ยวบิน 12,260 เที่ยวบิน ลดลง 3.37% 

ภูเก็ต มีผู้โดยสาร 16.40 ล้านคน เพิ่มขึ้น 25.94% มีเที่ยวบิน 98,710 เที่ยวบิน เพิ่มขึ้น 19.97% 

หาดใหญ่มีผู้โดยสาร 3.03 ล้านคน ลดลง 5.14% มีเที่ยวบิน 19,730 เที่ยวบิน ลดลง 5.84% 

เรื่องโดย #เพ็ญรุ่งใยสามเสน #gurutourza

บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน)

ข่าวที่เกี่ยวข้อง : บอร์ด AOT เจรจาบิ๊กสนามบินซอลท์เลค USA หนุน สุวรรณภูมิ