

- เผยธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่เริ่มฟื้นตัว
- ด้านธุรกิจเน็ตบ้านแข็งแกร่งโตเหนือตลาด
- ลั่นพร้อมอัดงบลงทุน 30,000 ล้านบาท ขับเคลื่อนโครงสร้างพื้นฐานด้านดิจิทัล
นายสมชัย เลิศสุทธิวงค์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท แอดวานซ์ อินโฟร์ เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) หรือ AIS เปิดเผยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ยังคงเป็นปัจจัยหลักที่ส่งผลโดยตรงต่อการเติบโตของภาคธุรกิจ แม้ว่าจะมีการแพร่ระบาดระลอก 2 ในช่วงปลายปี 2563 มาจนถึงช่วง 1-2 เดือนแรกของปี 2564 แต่ AIS ก็ยังคงสามารถทำผลงานได้อยู่ในระดับที่น่าพอใจ เป็นผลมาจากความร่วมมือของบุคลากรทั้งองค์กรที่มีความพร้อมในการปรับตัว รับกับสถานการณ์วิกฤตอยู่เสมอ เพื่อสามารถให้บริการลูกค้าได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ควบคู่ไปกับการทำงานสนับสนุนภาคสาธารณสุขในมิติของการเสริมศักยภาพการทำงานด้วย AIS 5G เพื่อเป็นการเชื่อมต่อ ช่วยเหลือเพื่อคนไทย ในทุกสถานการณ์วิกฤติ

ทั้งนี้สำหรับไตรมาสแรกของปี 2564 บริษัทสามารถทำรายได้รวมอยู่ที่ 45,861 ล้านบาท หรือเติบโต 7% (YoY) เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันกับปีที่ผ่านมา โดยกำไรก่อนดอกเบี้ย ภาษี ค่าเสื่อมราคา และค่าตัดจำหน่าย หรือ EBITDA ลงลงเล็กน้อย 0.9% (YoY) แต่ในไตรมาสแรกของปีนี้เริ่มฟื้นตัวขึ้นโดย EBITDA เติบโต 1.6% (QoQ) ซึ่งเป็นผลจาการบริหารจัดการต้นทุน แม้ว่ายังมีการขยายโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะเทคโนโลยี 5G แต่บริษัทยังคงสามารถควบคุมค่าใช้จ่ายการขายและบริหารให้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ

ในส่วนด้านกำไรสุทธิสำหรับไตรมาสแรกปี 2564 ลดลง 1.7% (YoY) เป็นผลกระทบของโควิด-19 และการแข่งขันที่ยังคงสูงต่อเนื่องมายังปีนี้ ทั้งนี้กำไรสุทธิลดลงที่ 7.3% จากไตรมาสก่อนหน้า (QoQ) ซึ่งเป็นผลมาจากการขาดทุนอัตราแลกเปลี่ยน และสิทธิประโยชน์ทางภาษีที่ได้รับในไตรมาส 4/2563
นายสมชัย กล่าวว่า สำหรับธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ ภาพรวมรายได้ธุรกิจโทรศัพท์เคลื่อนที่ในไตรมาสแรกของปี 2564 ลดลง 3.2% (YoY) แต่มีการเติบโตขึ้น 1.2% (QoQ) เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เป็นผลมาจากยอดผู้ใช้บริการใหม่ที่เติบโตสูง รวมถึงมาตรการจากภาครัฐที่ช่วยกระตุ้นการใช้จ่ายของประชาชน โดยรายได้ในกลุ่มผู้ใช้บริการรายเดือน (Postpaid) ยังเติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง มีจำนวนเพิ่มขึ้นสุทธิกว่า 442,400 เลขหมายในไตรมาสที่ผ่านมา

ส่วนกลุ่มผู้ใช้บริการแบบเติมเงิน (Prepaid) ได้ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง และมีจำนวนเลขหมายเพิ่มขึ้นสุทธิ 887,900 เลขหมาย ส่งผลให้ปัจจุบัน AIS ยังครองผู้ให้บริการอันดับหนึ่ง ที่มีผู้ใช้บริการมากที่สุดถึง 42,767,100 เลขหมาย ในขณะที่ตลาดยังคงเน้นแพ็กเกจดาต้าแบบใช้งานไม่จำกัด ซึ่งเป็นที่นิยมโดยเฉพาะในสภาวะเศรษฐกิจที่ลูกค้าต้องการประหยัดค่าใช้จ่าย
สำหรับการเติบโตของผู้ใช้บริการ 5G ซึ่งได้ขยายเครือข่าย 5G ครบ 77 จังหวัด โดยเปิดให้บริการอย่างเป็นทางการตั้งแต่เดือน ต.ค.2563 ซึ่งเมื่อจบไตรมาสแรก ปี 2564 AIS มีผู้ใช้บริการ 5G แล้วกว่า 7 แสนราย โดยตั้งเป้าสู่ 1 ล้านรายภายในปีนี้
นอกจากนี้ในส่วนของธุรกิจเน็ตบ้าน ยังคงได้รับปัจจัยบวกมาจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป ทั้งจากการทำงานที่บ้าน (WFH) ของบริษัทต่างๆ หรือแม้แต่การเรียนของนักเรียน นักศึกษา ที่การใช้อินเตอร์เน็ตเป็นสิ่งจำเป็นและมีความสำคัญมากขึ้น โดยในไตรมาสแรกของปีนี้ AIS Fibre มีผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้น 95,000 ราย หรือเพิ่มขึ้น 7% จากปลายปีก่อนหน้า ทำให้มีผู้ใช้บริการรวมแล้วกว่า 1.43 ล้านรายทั่วประเทศ

อย่างไรก็ตาม ถึงแม้ว่าระดับรายได้เฉลี่ยรายเดือนต่อลูกค้าหรือ ARPU จะลดลงจากการแข่งขัน แต่ภาพรวมของรายได้ยังคงเติบโตกว่า 17% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่แล้ว คิดเป็นรายได้ 1,919 ล้านบาท โดยเอไอเอสไฟเบอร์ยังคงยืนหยัดผู้นำธุรกิจเน็ตบ้านที่เติบโตสูงสุดและแข็งแกร่งเหนือตลาดอยู่

นายสมชัย กล่าวต่อว่า สัญญาณการฟื้นตัวของธุรกิจในไตรมาสแรกปีนี้ อาจไม่ได้ส่งผลต่อตัวเลขระยะยาวแต่อย่างใดเพราะขณะนี้เรากำลังอยู่ในช่วงการระบาดระลอกที่ 3 ของเชื้อโควิด-19 ซึ่งอาจจะมีความรุนแรงกระทบต่อภาคธุรกิจตลอดทั้งปี แต่การทำงานของบริษัทยังคงเดินหน้าลงทุนโครงสร้างพื้นฐานทางเทคโนโลยีดิจิทัลอย่างต่อเนื่อง ตามงบประมาณที่ตั้งไว้กว่า 25,000-30,000 ล้านบาท เพื่อนำศักยภาพ 5G เข้าฟื้นฟูประเทศผ่านการทำงานร่วมกับอุตสาหกรรมต่างๆ ในทุกมิติ ซึ่งเป็นแผนงานที่พนักงาน AIS ทุกคนยังคงทำงานอย่างหนัก เพื่อให้ 5G เกิดประโยชน์สูงสุดต่อทุกภาคส่วน

“ผลประกอบการไตรมาสแรกนี้ แสดงให้เห็นถึงความทุ่มเท ประคับประคอง ตั้งรับ ปรับตัว และต่อสู้กับวิกฤติโควิด ที่เกิดจากความร่วมแรง ร่วมใจ ของชาว AIS เพื่อส่งมอบบริการและเทคโนโลยีดิจิทัลให้กับลูกค้าทุกกลุ่ม รวมถึงการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ เพื่อสนับสนุนภาคสาธารณสุขให้สามารถขับเคลื่อนการรับมือกับโรคระบาดครั้งนี้ด้วยศักยภาพของ 5G ได้อย่างเต็มกำลัง ด้วยการเชื่อมต่อ ช่วยเหลือ เพื่อให้คนไทยและประเทศสามารถเดินหน้าต่อไปได้ท่ามกลางความยากลำบากนี้” นายสมชัย กล่าว