“ดร. สัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต”นั่งแท่นเอ็มดี บขส.นำแนวคิด Smart Digital Technology สร้างความเป็นเลิศบริการขนส่งสาธารณะ ของไทยขับเคลื่อน บขส. สู่ “Digital Transport”



นายสรพงศ์ ไพฑูรย์พงษ์ ประธานกรรมการบริษัท ขนส่ง จำกัด (บขส.) เป็นประธานพิธีลงนามสัญญาว่าจ้าง นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต ดำรงตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. โดยมี คณะกรรมการบริษัทฯ และผู้บริหารระดับสูงของ บขส. ร่วมในพิธี

โดยนายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต กล่าวภายหลังเข้ารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. อย่างเป็นทางการว่า พร้อมจะดำเนินงานตามนโยบายของกระทรวงคมนาคม และคณะกรรมการบริษัทฯ ในการที่จะขับเคลื่อนและพัฒนา บขส. ให้ก้าวไปอย่างมั่นคง และให้ บขส. เป็นองค์กรที่มีความเป็นมืออาชีพในการให้บริการด้านการขนส่งสาธารณะ โดยวางแผนจะปรับเปลี่ยนธุรกิจ โดยใช้ Smart Digital Technology มาเป็นหัวใจในการดำเนินงานของ หรือ Digital Transport 4 ด้าน ประกอบด้วย 1.SMART Station (Modern Bus) การพัฒนาเพื่อสร้างภาพลักษณ์ที่ทันสมัยให้กับสถานีขนส่งผู้โดยสารของ บขส. โดยเน้น ความสะอาด สะดวกสบาย ปลอดภัย โดยจะพัฒนาระบบจองตั๋วโดยสาร ให้จองผ่านระบบออนไลน์มากขึ้น ควบคู่ไปกับการจัดโปรโมชั่นส่งเสริมการขาย และปรับลดพื้นที่ห้องขายตั๋วลดการรับเงินสด ตามวิถี New Nomal รวมทั้งนำเทคโนโลยี Digital มาใช้และเพิ่มการเชื่อมต่อระบบขนส่งรถโดยสารสารธารณะให้สามารถเชื่อมต่อกับระบบการขนส่งอื่น (Feeder) เพื่อให้ผู้โดยสารได้รับความสะดวกมากยิ่งขึ้น และจะนำระบบ TOC : Transport Operation Center มาใช้แสดงข้อมูลการเดินรถอย่างเรียลไทม์ เพื่อช่วยบริหารและควบคุมการเดินรถให้เป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด และช่วยยกระดับเรื่องความปลอดภัยในการขับขี่ 

นอกจากนั้นจะทำงานด้วยการเพิ่มเติมสิ่งอำนวยความสะดวกในรถโดยสาร รวมทั้งมีแผนเปิดให้บริการเส้นทางใหม่ที่เชื่อมต่อเมืองหลักกับเมืองรอง รัศมี 300 กิโลเมตร ที่ไม่ใช่เป้าหมายของกลุ่มสายการบินต้นทุนต่ำ (Low Cost Airline) และเชื่อมเส้นทางจากเมืองหลักหรือเมืองรองไปยังประเทศเพื่อนบ้าน เพื่อยกระดับการเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ การสร้าง New business model เพิ่มรายได้จาก Facilities ที่มีอยู่เดิม เช่น การสร้างพันธมิตร เพื่อให้บริการขนส่งพัสดุ หรือการทำข้อตกลงความร่วมมือการขนส่งกับ หน่วยงานภาครัฐ เป็นต้น และจะผลักดันเรื่องการรีแบรนด์ บขส. ให้เป็น “Digital Transport”

นายสัญลักข์ กล่าวต่อว่า นอกตากนี้ยังมีแนวคิดด้านการจัดการกับทรัพย์สินที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ SMART Asset เพื่อเพิ่มสัดส่วนรายได้ที่แน่นอน โดยจะพิจารณาให้เอกชนเข้ามาร่วมพัฒนาแบบ PPP ทรัพย์สินที่เป็นที่ดินอยู่ทั้ง 3 แปลงที่คือ สถานีเอกมัย 7 ไร่ สถานีปิ่นเกล้า 15 ไร่ ที่ดินสามแยกไฟฉาย ในเชิงพาณิชย์ ในส่วนของ สถานีหลักคือ จตุจักร และสถานี หมอชิต ต้องมีแนวทางการพัฒนาให้สอดคล้องกันกับสถานีกลางบางซื่อ หรือโครงการพัฒนาเมืองอัจฉริยะ และเดินหน้าด้วยแนวคิด “องค์กรต้องดำรงอยู่ได้บนผลกำไรของตนเอง” SMART Firm พนักงานทุกคนต้องมีส่วนร่วมในการรับรู้ต้นทุนของหน่วยงาน มีการนำเอาเทคโนโลยี Digital มาบริหารจัดการ รวบรวม วิเคราะห์ข้อมูล ส่วนปฏิบัติการ ให้สอดคล้องกับสภาวะรายได้การเดินรถที่จะมีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง เพื่อปรับเปลี่ยนองค์กรให้เหมาะสมทันสถานการณ์มีประสิทธิภาพ และเพิ่มทักษะให้กับพนักงานเตรียมตัวเข้าสู่ “Digital Transport”

นายสัญลักข์ ยอมรับว่า การเข้ารับตำแหน่ง กรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. ในช่วงนี้ ถือเป็นความท้าทายอย่างยิ่ง เนื่องจากเป็นช่วงวิกฤติ จำนวนผู้โดยสารลดลง จากสถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19  อย่างไรก็ตามมั่นใจว่าจะสามารถพาองค์กรฝ่าฟันวิกฤตินี้ไปได้ และแม้สถานการณ์แพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ขณะนี้จะยังมีอยู่ แต่มั่นใจว่า ผู้โดยสารที่มาใช้บริการ สถานีขนส่งผู้โดยสารของบขส.จะไม่ติดเชื้อโควิดแน่นอน เพราะมีมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเข้มงวด

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายสัญลักข์ ปัญวัฒนลิขิต นอกจากดำรงตำแหน่งกรรมการผู้จัดการใหญ่ บขส. แล้วยังดำรงตำแหน่ง กรรมการอิสระของบริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) และคณะกรรมการการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย