คลัง เตรียมชงครม.ให้ “แบงก์รัฐ” พักหนี้พื้นที่สีแดง 28 จังหวัด เร่งเข็นมาตรการเยียวยาเฉพาะจุดอุ้มท่องเที่ยว



  • เน้น 5 จังหวัดที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด
  • เปิดลงทะเบียน “คนละครึ่ง”รอบเก็บตกเดือนนี้ 1 ล้านสิทธิ์
  • เผยยังไม่คิดต่อเวลา-ให้เงินเพิ่ม “คนละครึ่ง”

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะรัฐมนตรี(ครม.)สัปดาห์หน้า กระทรวงการเตรียมเสนอมาตรการทางการเงิน ของสถาบันการเงินเฉพาะกิจ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์(ธอส.) ธนาคารพัฒนาวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อมแห่งประเทศไทย (เอสเอ็มอีแบงก์)เป็นต้น ซึ่งประกอบไปด้วยการพักหนี้อย่างที่เคยดำเนินการมาแล้ว และการออกสินเชื่อเพื่อเติมทุน  เพื่อช่วยเหลือผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดระลอกใหม่

โดยเฉพาะใน 28 จังหวัดพื้นที่ควบคุมสูงสุด อาทิ กรุงเทพ นนทบุรี นครปฐม สมุทรปราการ เป็นต้น และพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวด 5 จังหวัด ได้แก่ สมุทรสาคร ระยอง ชลบุรี จันทบุรี และตราด ซึ่งมาตรการที่ออกมานั้นจะใกล้เคียงกับมาตรการที่ธนาคารออมสินออกมาก่อนหน้านี้ เช่น งดชำระเงินต้น ลดการจ่ายดอกเบี้ยเงินกู้  เป็นต้น คาดว่าจะมีระยะเวลาถึงเดือนมี.ค.2564

ส่วนมาตรการเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบนั้น กำลังพิจารณาอยู่ว่าจะออกมารูปแบบไหน เพราะจะต้องประเมินว่าการแพร่ระบาดของโควิดรอบใหม่นี้ยาวนานแค่ไหนด้วย นอกจากนี้ปัจจุบันกิจกรรมทางเศรษฐกิจยังเดินหน้าอยู่ไม่ได้ปิดทั้งหมด เป็นการปิดเฉพาะจุดเท่านั้น ดังนั้นจึงอาจจะพิจารณาการช่วยเหลือเป็นรายพื้นที่ซึ่งจะรีบดำเนินการให้เร็วที่สุด

“ในการประชุมครม.สัปดาห์หน้า สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ จะเสนอมาตรการลดรายจ่ายและเยียวยาผู้ที่ได้รับผลกระทบจากโควิดในจังหวัดควบคุมสูงสุด ส่วนกระทรวงการคลังจะเร่งสรุปมาตรการทางการเงิน มาตรการทางด้านสินเชื่อและมาตรการเยียวยา โดยเฉพาะการช่วยเหลือภาคการท่องเที่ยวในพื้นที่ควบคุมสูงสุด 28 จังหวัดเสนอครม.ให้เร็วที่สุด”

ส่วนโครงการคนละครึ่งนั้น ปัจจุบันกระทรวงการคลังกำลังรอสรุปตัวเลขคนละครึ่งระยะที่ 2 (เฟส2) ในส่วนผู้ที่ลงทะเบียนไว้แต่ไม่ได้ใช้สิทธิ์ ซึ่งจะทราบผลหลังจากวันที่ 14 ม.ค.2564 นี้ที่เปิดให้ใช้จ่ายภายใน 14 วัน  ว่าจะเหลือจำนวนเท่าใด  หลังจากในเฟสแรก กระทรวงการคลังทราบตัวเลขแล้วว่ามีผู้ไม่ใช้สิทธิ์ประมาณ 500,000 สิทธิ์

“อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นคาดว่าทั้งสองเฟสจะเหลือสิทธิ์ในโครงการประมาณ 1 ล้านสิทธิ์ ดังนั้นกระทรวงการคลังจะนำสิทธิ์ที่เหลือเหล่านี้มาเปิดให้ประชาชนลงทะเบียนใหม่หลังช่วงกลางเดือนม.ค.นี้”

ส่วนกรณีคณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ซึ่งประกอบด้วย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) สภาหอการค้าแห่งประเทศไทย และสมาคมธนาคารไทย ต้องการให้รัฐบาลขยายระยะเวลาโครงการคนละครึ่งอีก 3 เดือน และเพิ่มวงเงินในโครงการเป็น 5,000 บาท จากเดิม 3,500 บาทนั้น นายอาคม กล่าวว่า ขณะนี้ยังไม่ได้คิดขยายระยะเวลาหรือเพิ่มวงเงิน และขอประเมินผลการดำเนินการคนละครึ่งเฟส 2 ในช่วง 3 เดือน(ม.ค.-มี.ค.) ก่อน