ลมหนาวมาเยือนแล้ว ดูแลผิวพรรณ ให้ผ่องใส ชุ่มชื้น



  • สมาคมผิวหนังแห่งประเทศไทย แนะวิธีดูแลผิวพรรณ
  • สวย ใส รับลมหนาว เทศกาลปีใหม่

ผศ.พญ.สุวิรากร ธรรมศักดิ์ ประธานฝ่ายกิจกรรมสังคม สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย และ ผู้อำนวยการคลินิกสยามเดอร์มาติกส์ เปิดเผยว่า ผิวหนังของเราจะเป็นตัวบอกความชื้นในบรรยากาศก่อนวิธีอื่น ผิวพรรณจะเริ่มแห้ง ตึง ลอกเป็นขุย โดยจะเริ่มที่ขา และแขนก่อน ต่อมาที่หน้าจนลามไปทั่วตัว อาจมีอาการคันยิบๆ ถ้าเป็นมากอาจแสบเหมือนเข็มตำ และมีผิวหนังอักเสบเกิดเป็นวงแดงๆมีขุยกระจายอยู่เป็นหย่อมๆทั่วร่างกาย มีอาการคัน เมื่อเกาผิวจะแตกเป็นร่องแดงมีน้ำเหลือง หรือเลือดซึมได้

ส่วนผิวหน้าก็มีการเปลี่ยนแปลง คนหน้ามันจะชอบหน้าหนาวเพราะผิวจะมันน้อยลง บางครั้งสิวก็ดีไปด้วย ส่วนคนหน้าแห้งต้องระวัง หน้าอาจจะแห้งลอกเป็นขุย โดยเฉพาะริมฝีปาก จะแห้งแตก เจ็บ ลอกเป็นขุย เป็นแผ่นได้ ส่วนมือ บางครั้งไม่ได้มีอาการอะไรก็ลอกได้เป็นแผ่นๆ อาจจะลอกปีละ ครั้งไม่ต้องทำอะไร แต่อย่าไปแกะจนเป็นแผล แต่ถ้า ผิวแตก แห้งคัน โดยเฉพาะผู้ที่ชอบล้างมือบ่อย จะเป็นผิวหนังอักเสบได้ สำหรับเส้นผม ในหน้านี้จะเห็นว่าไฟฟ้าสถิตย์จะสูง เส้นผมจะแห้งกรอบ เวลาหวีผมจะดีดออกจากกัน มีเสียงเปรี้ยะๆ  

ส่วนหนังศีรษะก็แห้ง มีรังแค บางทีก็ร่วงมาอยู่ตามไหล่เสื้อทำให้ไม่น่าดู

เพราะผิวหนังทำหน้าที่ปกคลุมร่างกายของเรา เป็นด่านแรกในการป้องกันอันตรายจากพวกแบคทีเรีย ไวรัส อีกทั้งยังมีหน้าที่ช่วยควบคุมการสูญเสียน้ำออกจากร่างกาย ควบคุมอุณหภูมิ และรับความรู้สึก ช่วงเข้าสู่ฤดูหนาวอากาศที่หนาวเย็น ผิวหนังจะแห้ง โดยเริ่มสังเกตจากริมฝีปาก จะแตก ฝ่ามือ ฝ่าเท้าแห้ง ผิวที่สะโพก หน้าแข้ง จะเริ่มแห้ง คัน ซึ่งในคนที่มีปัญหาผิวแห้งอยู่เดิมอาจทำให้อาการกำเริบจนถึงกับเกิดการอักเสบ แดง คันตามมาได้ (Xerotic eczema)โดยเฉพาะผู้สูงอายุ และเด็กภูมิแพ้ (Atopic dermatitis) หรือบางคนที่มีปัญหาผิวหนังอักเสบภูมิแพ้หรือโรคสะเก็ดเงิน ช่วงหน้าหนาวนี้โรคมักจะเห่อมากขึ้นซึ่งอาการเหล่านี้สามารถป้องกันได้ถ้าเรามีวิธีดูแลที่ถูกต้อง ดังนี้

  • เพิ่มความชุ่มชื้นให้กับผิวด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ เลือกใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เข้มข้นขึ้นกว่าในช่วงหน้าร้อน โดยดูส่วนผสมที่เป็นสารให้ความชุ่มชื้นเป็นหลัก (humectants) เช่น กลีเซอรีน (glycerine) ซอบิทอล (sorbitol) เซรามายด์ (ceramide) ในกรณีที่ผิวมีความแห้งมากอาจใช้มอยเจอร์ไรเซอร์ที่เป็นเนื้อขี้ผึ้งซึ่งจะสามารถกักเก็บความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ดีกว่าแบบครีมหรือโลชั่น นอกจากนั้นควรทามอยเจอร์ไรเซอร์ภายหลังอาบน้ำทันทีเพื่อเพิ่มการดูดซึมที่ดียิ่งขึ้น

• ถ้าผิวหนังมีอาการอักเสบแดง คันมาก อาจจำเป็นต้องทาครีมสเตียรอยด์ เพื่อช่วยลดการอักเสบบริเวณผื่นที่เป็น ซึ่งควรอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์ เพื่อป้องการการเกิดผลข้างเคียงของการใช้ยา ไม่ควรซื้อยามาใช้เอง

  • ถ้ามีอาการคันมาก จนรบกวนชีวิตประจำวัน สามารถรับประทานยาในยาต้านฮีสตามีน (antihistamine) เพื่อช่วยลดอาการคัน
  • ทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกแดด อย่าลืมว่าถึงแม้อากาศจะหนาวเย็นแต่แสงอัลตราไวโอเลตไม่ได้ลดน้อยลงไป ยิ่งถ้าไปเที่ยวประเทศที่มีหิมะยิ่งมีการสะท้อนของแสงอัลตราไวโอเลตจากหิมะมากขึ้นด้วย ดังนั้นจึงควรทาครีมกันแดดเป็นประจำก่อนออกแดดโดยเลือกครีมกันแดดที่กันได้ทั้งรังสี อัลตราไวโอเลตเอและบี โดยดูที่ค่า SPF มากกว่า 30 และมีค่า PA ++ เพื่อป้องกันการเกิดฝ้า กระ ก่อนวัยอันควร
  • หลีกเลี่ยงการอาบน้ำอุ่นจัด การอาบหรือแช่น้ำอุ่นจัดอาจทำให้รู้สึกสบาย ผ่อนคลาย ในช่วงหน้าหนาวแต่ความร้อนจากน้ำจะไปทำลายไขมันที่ปกป้องผิวหนังทำให้สูญเสียความชุ่มชื้นออกไปจากผิวเพิ่มขึ้น ควรอาบน้ำที่อุ่นเพียงเล็กน้อยและใช้เวลาอาบที่สั้นลงกว่าเดิมและตามด้วยมอยเจอร์ไรเซอร์ทันทีหลังอาบน้ำ สำหรับผลิตภัณฑ์ที่ใช้ในการอาบน้ำควรเลือกชนิดที่ให้ความชุ่มชื้นมากขึ้น

• ใช้เครื่องทำความชื้น (humidifier) ในกรณีที่อากาศมีความแห้งมากหรือผู้ที่ต้องทำงานอยู่ในห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศตลอดเวลา การใช้เครื่องทำความชื้นจะช่วยเพิ่มความชื้นในอากาศและลดการสูญเสียน้ำจากผิวหนังได้

ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ ช่วงหน้าหนาวอากาศแห้ง จะมีการสูญเสียเหงื่อและน้ำออกไปทางผิวหนังมากขึ้น จึงควรดื่มน้ำสะอาดให้ได้อย่างน้อย 8-10 แก้วต่อวัน

• ปรึกษาแพทย์ผิวหนัง ในกรณีที่ผิวแห้งมากจนมีการอักเสบ แดง คัน มีขุย หรือถ้ามีโรคผิวหนังอยู่เดิมแล้วกำเริบมากขึ้นจำเป็นที่ต้องใช้ยาทาหรือยารับประทาน ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการใช้ยาและการดูแลที่เหมาะสมต่อไป สามารถติดตามข้อมูลเพิ่มได้ที่ www.facebook.com/Dermatiks/

มาปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการดูแลผิวให้เข้ากับลมหนาวที่มาเยือนก็ช่วยให้คุณยังคงความมีผิวสวยสดใสอยู่ได้แบบไม่ยากในฤดูหนาวที่มาถึงนี้

#TheJournalistClub #