ดาวโจนส์ปิดลดลง124จุด กังวลมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจตกลงไม่ได้

  • วุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวยืดชัตดาวน์ไปถึงวันที่ 20ธ.ค.
  • ยังไม่อนุมัติมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจริบใหม่
  • นักลงทุนทยอยขายหุ้นเพื่อทำกำไรและลดความเสี่ยง

ดัชนีเฉลี่ยอุตสาหกรรมดาวโจนส์ปิดตลาดวันที่ 18ธ.ค.ที่ 30,179.05 จุด ลดลง 124.32 จุดหรือ -0.41%, ดัชนีเอสแอนด์พี 500 ปิดที่ 3,709.41 จุด ลดลง 13.07 จุด หรือ -0.35% และดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส ปิดที่ 12,755.64 จุด ลดลง 9.11 จุด หรือ -0.07%

นักลงทุนยังคงติดตามการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจริบใหม่ โดยมีแนวโน้มมากขึ้นที่สภาคองเกรสสหรัฐจะไม่สามารถบรรลุข้อตกลงเยียวยาเศรษฐกิจรอบใหม่วงเงิน 9 แสนล้านดอลลาร์ได้ทันกำหนดเส้นตายในวันศุกร์นี้ แต่อาจจะอนุมัติกฎหมายงบประมาณชั่วคราวฉบับที่ 3 แทน เพื่อให้รัฐบาลสหรัฐสามารถดำเนินงานต่อไปได้โดยไม่ต้องชัตดาวน์หลังเที่ยงคืนวันศุกร์นี้

โดยล่าสุด วุฒิสภาสหรัฐอนุมัติร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวแล้วเมื่อคืนที่ผ่านมา ซึ่งจะทำให้หน่วยงานรัฐบาลของสหรัฐสามารถเปิดดำเนินการต่อไปได้จนถึงวันที่ 20 ธ.ค.นี้ และวุฒิสภาได้ส่งร่างกฎหมายดังกล่าวเพื่อให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ลงนามเป็นกฎหมายต่อไป

ด้าน นายมิตช์ แมคคอนเนลล์ ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภากล่าวว่า แกนนำในสภาคองเกรสยังเจรจาข้อตกลงในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจต่อเรื่อง โดยการเจรจาอาจดำเนินไปอย่างต่อเนื่องในช่วงสุดสัปดาห์นี้

นักลงทุนทยอยขายหุ้นเพื่อทำกำไรและลดความเสี่ยงในช่วงสุดสัปดาห์ รวมทั้งเตรียมพน้อมรับช่วงวันหยุดยาวเทซกาลคริสต์มาสและปีใหม่

หุ้นเทสลาปรับตัวขึ้นสวนทางตลาด โดยพุ่งขึ้น 5.96% หลังปรับตัวขึ้นแตะระดับสูงสุดเป็นประวัติการณ์และมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น เนื่องจากได้แรงหนุนจากการคาดการณ์ที่ว่า หุ้นเทสลาจะได้รับการคำนวณรวมในดัชนีเอสแอนด์พี500 ในวันจันทร์ที่ 21 ธ.ค.นี้ ซึ่งเทสลาจะเป็นบริษัทที่มีมูลค่าหุ้นสูงสุดที่ถูกรวมในดัชนีดังกล่าว

ภาวะซื้อขายในตลาดเป็นไปอย่างผันผวน และมีปริมาณการซื้อขายหนาแน่น เนื่องจากวันศุกร์นี้ตรงกับวัน quadruple witching ซึ่งเป็นวันครบกำหนดส่งมอบออปชั่นและสัญญาล่วงหน้ารายไตรมาสของหุ้นและดัชนีต่างๆ พร้อมกัน ซึ่งทำให้เป็นวันที่มีการซื้อขายที่คึกคักมากที่สุดวันหนึ่งของปีนี้

หุ้นเฟดเอ็กซ์ คอร์ป ร่วง 5.71% หลังจากที่ไม่ได้คาดการณ์ผลประกอบการในปี 2564 แม้ผลกำไรรายไตรมาสของเฟดเอ็กซ์เพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่าก็ตาม โดยเฟดเอ็กซ์รายงานผลกำไรที่ระดับ 4.83 ดอลลาร์/หุ้น สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ที่ระดับ 4.01 ดอลลาร์/หุ้น ขณะที่รายได้ของเฟดเอ็กซ์อยู่ที่ระดับ 2.06 หมื่นล้านดอลลาร์ สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 1.945 หมื่นล้านดอลลาร์

ดัชนีชี้นำเศรษฐกิจ Leading Economic Index (LEI) ที่นงรายงานโดย Conference Board ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือนพ.ย. โดยดีดตัวขึ้น 7 เดือนติดต่อกัน และสูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 0.5% โดยการปรับตัวขึ้นของดัชนี LEI ซึ่งถือเป็นสิ่งบ่งชี้ภาวะเศรษฐกิจสหรัฐนั้น ได้แรงหนุนจากการลดลงของตัวเลขผู้ยื่นขอสวัสดิการว่างงาน และการเพิ่มขึ้นของคำสั่งซื้อใหม่, ตัวเลขการอนุญาตสร้างบ้าน และการดีดตัวของตลาดหุ้น