

.ตลาดหุ้นสหรัฐฯแกว่งตัวผันผวน ในแดนบวกสลับแดนลบ
.นักลงทุนกังวล ยอดค้าปลีกลดลงเป็นเดือนที่ 2 คนตกงาน-รายได้ลด
.จับตาการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจลอตใหม่-ผลประชุมเฟด
เมื่อเวลา 22.09 ตามเวลาประเทศไทย ดัชนีอุตสาหกรรมดาวโจนส์ เคลื่อนไหวที่ระดับ 30,183.63 จุด ลดลง 15.68 จุด หรือ -0.05% ดัชนีแนสแด็ก คอมโพซิส เคลื่อนไหวที่ 12,612.21 จุด เพิ่มขึ้น 17.15 จุด หรือ +0.14% ขณะที่ดัชนีเอสแอนด์พี 500 อยู่ที่ระดับ 3,697.30 จุด เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 2.68 จุด หรือ +0.07%
ตลาดหุ้นสหรัฐฯ ปรับตัวผันผวน นักลงทุนกังวลการฟื้นตัวของเศรษฐกิจที่ยังได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 โดยล่าสุดกระทรวงพาณิชย์สหรัฐเปิดเผยว่า ยอดค้าปลีกลดลง 1.1% ในเดือนพ.ย. ซึ่งเป็นการปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 2 หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค. และลดลงมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่ายอดค้าปลีกลดลงเพียง 0.3% ในเดือนพ.ย.
ทั้งนี้ การชะลอตัวของยอดค้าปลีกได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 และการที่ภาคครัวเรือนมีรายได้ลดลง เนื่องจากชาวอเมริกันจำนวนมากประสบภาวะตกงาน ส่วนยอดค้าปลีกพื้นฐาน ซึ่งไม่รวมยอดขายรถยนต์ น้ำมัน วัสดุก่อสร้าง และอาหาร ลดลง 0.5% ในเดือนพ.ย. หลังจากลดลง 0.1% ในเดือนต.ค.
นักลงทุนยังคงจับตาความคืบหน้าในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจสหรัฐ แม้ว่าจะมีความคืบหน้า แต่ยังไม่ออกมาอย่างเป็นทางการ รวมทั้งการออกกฎหมายงบประมาณชั่วคราวเพื่อหลีกเลี่ยงการปิดหน่วยงานของรัฐบาลอันเนื่องจากการขาดแคลนงบประมาณ (ชัตดาวน์)
“การเจรจาระหว่างแกนนำในสภาคองเกรสในการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพื่อเยียวยาประชาชนและภาคธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 มีความคืบหน้าครั้งสำคัญ และผมเชื่อมั่นว่าเราจะสามารถบรรลุข้อตกลงในไม่ช้า” นายแมคคอนเนลล์กล่าว
ขณะที่นางแนนซี เพโลซี ประธานสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐ ได้เชิญแกนนำในสภาคองเกรสเข้าประชุมวานนี้ เพื่อหาทางบรรลุข้อตกลงในประเด็นดังกล่าว โดยแกนนำที่นางเพโลซีเชิญเข้าประชุม ได้แก่ นายแมคคอนเนลล์, นายชัค ชูเมอร์ ผู้นำเสียงข้างน้อยในวุฒิสภา และนายเควิน แมคคาร์ธี ผู้นำเสียงข้างน้อยในสภาผู้แทนราษฎร ซึ่งในระหว่างการประชุมดังกล่าว นางเพโลซียังได้ต่อสายสนทนาทางโทรศัพท์กับนายสตีเวน มนูชิน รัฐมนตรีคลังสหรัฐ
โดยหากสภาคองเกรสไม่สามารถบรรลุข้อตกลง ก็จะทำให้หน่วยงานของรัฐบาลเผชิญภาวะชัตดาวน์ในวันที่ 19 ธ.ค. และชาวอเมริกันที่ตกงานจะไม่ได้รับเงินชดเชยจากสวัสดิการว่างงานในวันที่ 26 ธ.ค.
ขณะเดียวกัน นักลงทุนจับตาการประชุมนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ในวันนี้ ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่า เฟดจะยังคงตรึงอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่ระดับ 0.00-0.25% แต่อาจมีการเปลี่ยนแปลงวงเงินในการซื้อพันธบัตรตามมาตรการผ่อนคลายเชิงปริมาณ (QE) จากปัจจุบัน และมีแนวโน้มต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจที่ดีขึ้น
นอกจากนั้น ตลาดยังมีความกังวลหลัง สำนักงานอาหารและยาสหรัฐ (FDA) ออกรายงานระบุว่า ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนต้านไวรัสโควิด-19 ของบริษัทไฟเซอร์ อิงค์ และโมเดอร์นา อาจมีอาการใบหน้าเบี้ยวครึ่งซีก โดยรายงานเปิดเผยว่า อาสาสมัครที่ได้รับวัคซีนของไฟเซอร์ 4 รายมีอาการดังกล่าว จากจำนวนทั้งหมด 43,000 ราย ส่วนผู้ที่ได้รับวัคซีนของโมเดอร์นามีอาการ 4 รายเช่นกัน จากจำนวนทั้งหมด 30,000 ราย โดยจะมีอาการเกิดขึ้นหลังจากฉีดวัคซีนราว 22-32 วัน
อย่างไรก็ดี FDA ระบุว่า ขณะนี้ยังไม่มีข้อมูลเพียงพอที่จะระบุว่าอาการดังกล่าวเป็นผลโดยตรงจากการฉีดวัคซีน แต่ FDA แนะนำให้ผู้ที่ได้รับการฉีดวัคซีนควรเฝ้าระวังอาการดังกล่าว