

- ยันยังไม่ขยายกรอบกู้เงินเกิน 1 ล้านล้านบาท
- คลังเดินหน้าคนละครึ่งเฟส 2 ต้องกู้เงินเพิ่ม
นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รมว.คลัง เปิดเผยภายหลังการลงนามในสัญญาความร่วมมือด้านการเงินระหว่างกระทรวงการคลังและธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB) ว่า การกู้เงินร่วมกับ ADB ในครั้งนี้ เป็นการดำเนินการภายใต้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เพื่อนำมาสนับสนุนงบประมาณในการพัฒนาประเทศ รวมทั้งช่วยเหลือ ป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 โดยมีแผนการกู้เงิน วงเงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ หรือคิดเป็นเงินไทย 45,300 ล้านบาท(เงินบาทอยู่ที่ 30.20 บาท ต่อดอลลาร์สหรัฐฯ )
ส่วนในระยะต่อไปจะมีการกู้เงินจากต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น อยู่ระหว่างการพิจารณา เนื่องจากมีสถาบันการเงินต่างประเทศหลายแห่งได้เสนอแพ็กเกจความช่วยเหลือด้านโควิดเข้ามาเหมือนกัน
“เมื่อประสบปัญญาการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด ADB ได้กันวงเงิน 20,000 ล้านดอลลาร์ ไว้ให้ประเทศไทยที่ได้รับผลกระทบจากโควิดกู้ไปพัฒนาประเทศ และช่วยเหลือดูแลผลกระทบโควิด-19 ครั้งนี้ไทยได้กู้เงิน 1,500 ล้านดอลลาร์ โดยใช้อัตราดอกเบี้ยอ้างอิงระยะสั้น (BIBOR) + 0.5 เพื่อนำมาใช้สนับสนุนงบประมาณในการดูแลโควิด ซึ่งการกู้ผ่าน ADB นั้น เป็นการกระจายการกู้เงิน ไม่ให้กู้เฉพาะในประเทศทั้งหมด เพราะภาคเอกชนอาจจะได้รับผลกระทบ และเราก็เลือกกู้ต่างประเทศในอัตราดอกเบี้ยของก็ต่ำสุดด้วย”
สำหรับการกู้เงินดังกล่าว จะนำมาใช้ภายใต้ 3 วัตถุประสงค์ ตามเงื่อนไขพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท โดยแบ่งเป็น 1. ใช้เพื่อสนับสนุนการแพทย์และสาธารณสุข 2. ช่วยเหลือเยียวยาประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด อย่างที่ผ่านมา กระทรวงการคลังได้ออกมาตรการบรรเทาผลกระทบ เช่น การให้เงินเยียวยา 5,000 บาท ระยะเวลา 3 เดือน เป็นต้น และ 3.การฟื้นฟูเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งโครงการต่างๆ ที่ผ่านคณะรัฐมนตรี (ครม.) ไปแล้วซึ่งอยู่ระหว่างการทยอยเบิกจ่ายเงิน
ขณะที่การพิจารณาขยายกรอบการกู้เงินมากกว่า 1 ล้านล้านบาท ยังมองว่ามีวงเงินจากพ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เหลืออยู่ ซึ่งยังไม่มีแนวคิดที่จะกู้เงินเพิ่ม ส่วนการกู้เงินเพื่อนำมาใช้ในโครงการโครงสร้างพื้นฐาน จะพิจารณาว่าหน่วยงานใดขอใช้ผ่านโครงการส่วนใดบ้าง และจะพิจารณาอีกครั้งว่าจะนำแหล่งเงินทุนมาจากส่วนใด
นางแพตริเซีย มงคลวนิช ผู้อำนวยการสำนักงาน บริหารหนี้สาธารณะ(สบน.) กล่าวว่า ขณะนี้การกู้เงินตามพระราชบัญญัติ (พ.ร.ก.) กู้เงินฉุกเฉิน 1 ล้านล้านบาท มีการกู้เงินไปแล้วทั้งสิ้น 338,000 ล้านบาท หรือคิดเป็น 34% ของแผนการกู้เงิน โดยขณะนี้เหลือเงินกู้ที่สามารถนำมาใช้เพื่อเยียวยาโควิด-19 ไม่ถึง 10,000 ล้านบาท ดังนั้นสบน.จะต้องกู้เงินเพิ่มหากกระทรวงการคลังดำเนินการโครงการคนละครึ่งระยะที่ 2 (เฟส2) โดยจะเป็นการทยอยกู้ตามความต้องการใช้ตามนโยบายของรัฐ
“มาตรการคนละครึ่งของรัฐบาลได้รับกระแสตอบรับดี และตอนนี้จะมีเฟส 2 ในช่วงต้นปีหน้า ดังนั้นความต้องการการใช้เงินจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งสบน.มีตารางการกู้เงินอยู่ โดยจะเป็นการทยอยกู้ไม่ได้กู้เป็นก้อนใหญ่ทีเดียว ส่วนโครงการคนละครึ่งเฟสแรก ตอนนี้ยังใช้เงินกู้ที่มีอยู่ก่อน แต่หลังจากนี้สบน.จะประสานกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพื่อดูว่ามีการใช้เงินเร็วแค่ไหน เพื่อที่สบน.จะได้เตรียมเงินใส่ในถังไว้ให้”
ส่วนจะมีการกู้เงินเพิ่มตามพ.ร.ก.กู้เงิน จากสถาบันการเงินต่างประเทศอีกหรือไม่นั้น แนวทางนี้เป็นทางเลือกที่สบน.ดูอยู่ตลอด เพราะการกู้เงินต่างประเทศมีทางเลือกดี ดอกเบี้ยและระยะเวลาการกู้เงินก็ค่อนข้างดี แต่ทั้งนี้การจะกู้เงินต้องดูว่าเหมาะกับตลาดไทยหรือไม่ด้วย