

- พบร้านค้าอยู่ในข่ายต้องสงสัยกระทำผิดอีกกว่า 10 ราย
- อยู่ระหว่างการตรวจสอบร่วมกันว่ามีความผิดหรือไม่
นายกฤษฎา จีนะวิจารณะ ปลัดกระทรวงการคลัง กล่าวว่า ขณะนี้กระทรวงการคลัง ได้ตรวจสอบการทุจริตในโครงการคนละครึ่งของรัฐบาลแล้ว โดยปัจจุบัน พบการกระทำความผิดที่ชัดเจน 2 รายที่เกาะสมุย ที่ไม่ได้เป็นการซื้อขายจริง และถือว่าเป็นความผิด ซึ่งทางธนาคารกรุงไทย ได้ระงับการใช้ระบบแอพลิชันถุงเงิน และทำการยึดเงินในแอพทันที และไม่ให้เข้าร่วมโครงการนี้อีกต่อไป
นอกจากนี้กระทรวงการคลังกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อกฎหมายอยู่ หากพบว่าผิดจริงตามกฎหมายฉ้อโกง ก็จะดำเนินการฟ้องร้องเอาผิดด้วย
อย่างไรก็ตามกระทรวงการคลังพบร้านค้า ที่อยู่ในข่ายต้องสงสัยกระทำผิดอีกกว่า 10 ราย ซึ่งอยู่ระหว่างการตรวจสอบร่วมกันของกระทรวงการคลังและธนาคารกรุงไทยอยู่ หากพบว่ามีการกระทำความผิดจริง ก็จะปิดแอพถุงเงิน และยึดเงินในระบบต่อไป
“กรุงไทยมีโปรแกรมที่สามารถตรวจสอบได้ว่ามีการซื้อสินค้าและบริการผ่านแอพทุกธุรกรรมนั้น มีพฤติกรรมต้องสงสัย หรือไม่ เช่น มีเงินหมุนเวียนเข้าเยอะเกินไป เป็นต้น ซึ่งกระทรวงการคลังของเตือนผู้กระทำทุจริตในโครงการดังกล่าวว่า กระทรวงจะเข้าไปตรวจสอบ และดำเนินคดี และเรียกเงินคืนจากผู้กระทำความผิดทันที”
ทั้งนี้โครงการคนละครึ่งของรัฐบาล มีคนลงทะเบียนครบ 10 ล้านคนไปเมื่อเร็วนี้ ซึ่งถือเป็นจำนวนที่เต็มตามเป้าหมาย โครงการนี้เป็นโครงการกระตุ้นการช้จ่ายในประเทศโดยภาครัฐ จ่ายเงินสมทบให้กับประชาชนครึ่งหนึ่ง แต่ไม่เกิน 3, 000 บาท จนถึงสิ้นปีนี้ โดยรัฐบาลจะสมทบให้ครึ่งหนึ่งของการใช้จ่าย แต่ไม่เกิน 150 บาท/วัน