“จุรินทร์” ย้ำอาเซียนขึ้นแท่นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน



  • หลังครึ่งแรกปีนี้การค้าพุ่ง 5.6% เฉียด 3 แสนล้านเหรียญฯ
  • เดินหน้าสานต่อความร่วมมือพัฒนาโลจิสติกส์รอบอ่าวเป่ยปู้
  • หวังสร้างประโยชน์ให้กับการส่งออกสินค้าเกษตรไทย

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ เปิดเผยในพิธีเปิดประชุมกรอบความร่วมมือทางเศรษฐกิจรอบอ่าวเป่ยปู้ หรืออ่าวตังเกี๋ย ครั้งที่ 11 ณ นครหนานหนิง เขตปกครองตนเองกว่างซีจ้วง สาธารณรัฐประชาชนจีน เมื่อวันที่ 15 ต.ค.63 ผ่านระบบการประชุมทางไกลว่า อาเซียนและจีนมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะด้านเศรษฐกิจ ที่จีนเป็นคู่ค้าอันดับ 1 มาตลอด 10 ปีที่ผ่านมา แต่สถิติของฝ่ายจีนล่าสุด มูลค่าการค้าระหว่างอาเซียนและจีนในช่วง 6 เดือน (ม.ค.-มิ.ย.) ปี 63 สูงถึง 299,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 5.6% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ทําให้เป็นครั้งแรกที่อาเซียนก้าวขึ้นมาเป็นคู่ค้าอันดับ 1 ของจีน แม้เผชิญกับเศรษฐกิจโลกที่ชะลอตัว และการแพร่ระบาดของโควิด-19 ซึ่งแสดงให้เห็นถึงศักยภาพของทั้งอาเซียนและจีนว่า มีความยืดหยุ่น และมีความสามารถปรับตัวด้านเศรษฐกิจ การค้าระหว่างกันได้เป็นอย่างดี 

  ส่วนกรอบความร่วมมือรอบอ่าวเป่ยปู้ ถือเป็นความร่วมมือในระดับอนุภูมิภาคที่มีความสําคัญ ภายใต้กรอบความร่วมมือระหว่างอาเซียนและจีน เพราะเป็นจุดยุทธศาสตร์สําคัญของเส้นทางสายไหมทางทะเล และเป็น ยุทธศาสตร์สําคัญในการเสริมสร้างความสัมพันธ์ทางเศรษฐกิจและการค้ากับอาเซียน นอกจากนี้ ท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ยังเป็นจุดเชื่อมต่อการขนส่งที่สําคัญใน ปัจจุบัน การท่าเรือแห่งประเทศไทย มีความร่วมมือกับท่าเรืออ่าวเป่ยปู้ผ่านการจัดทําข้อตกลงท่าเรือพี่น้องระหว่าง ท่าเรือแหลมฉบัง กับท่าเรือชินโจว กว่างซีจ้วง เพื่อขยายความร่วมมือด้านการพัฒนาระบบโลจิสติกส์ท่าเรือ และหลายปีที่ผ่านมา ท่าเรือแหลมฉบัง ได้เปิดเส้นทางเดินเรือมุ่งตรงสู่ท่าเรือ อ่าวเป่ยปู้ บรรเทาปัญหาการจราจรทางบกที่ติดขัดได้ อย่างมีประสิทธิภาพ  

  “ปัจจุบัน ยังได้พัฒนาการขนส่งสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ และมีคลังสินค้าแบบควบคุมอุณหภูมิ ทําให้ผลไม้ไทยกว่า 200 ตันถูกขนส่งทางเรือจากท่าเรือแหลมฉบังของไทย ไปขึ้นที่ท่าเรือฝางเฉิงก่างในเขตปกครอง ตนเองกว่างซีจ้วง โดยสินค้าที่ไปถึงท่าเรือแล้ว จะได้รับการกระจายสินค้าต่อทาง รถบรรทุกหรือทางรถไฟไปยังมณฑลทางภาคกลางและภาคตะวันตกของจีน ทําให้การส่งออกผลไม้สดและสินค้าเกษตรของไทยไปจีนสะดวกรวดเร็ว” 

นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ไทยยินดีที่จะสานต่อความร่วมมือการ พัฒนาเชิงลึกกับจีน รวมทั้งสนับสนุนยุทธศาสตร์การเชื่อมโยงของจีนภายใต้ข้อริเริ่มสายแถบและเส้นทาง และใช้ประโยชน์จากเครือข่ายความเชื่อมโยงของท่าเรือรอบอ่าวเป่ยปู้ เพื่อเพิ่มการขนส่งสินค้าระหว่างกัน ซึ่งจะเป็นประโยชน์กับทั้ง 2 ฝ่ายในการขยายช่องทางการส่งออก โดยเฉพาะสินค้าเกษตรของไทยให้เข้าสู่ตลาดจีน เอเชียกลาง และยุโรป พร้อมเชิญชวนให้นักลงทุนจีนเข้ามาลงทุนในโครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี)