ฝนตกหนักแต่น้ำเข้า 4 เขื่อนหลักยังน้อย กรมชลประทานวอนเกษตรกรงดทำนาปีต่อเนื่อง



  • ต้องบริหารจัดการน้ำไว้ใช้ยามแล้ง
  • ย้ำเขื่อนขุนด่านฯ มั่นคงแข็งแรงดี

นายสัญญา แสงพุ่มพงษ์ ผู้ทรงคุณวุฒิด้านวิศวกรรมชลประทาน (ด้านบำรุงรักษา) รักษาราชการแทนอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า เพื่อให้การบริหารจัดการน้ำในช่วงฤดูแล้งหน้าที่กำลังจะมาถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้านี้ เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพและสอดคล้องกับปริมาณน้ำต้นทุนที่มีอยู่อย่างจำกัด ซึ่งปริมาณน้ำที่มีอยู่จะสนับสนุนได้เฉพาะการอุปโภคบริโภคและรักษาระบบนิเวศเท่านั้น

จึงขอให้เกษตรกรที่ได้ทำการเก็บเกี่ยวข้าวนาปีไปแล้ว งดทำนาปีต่อเนื่อง เพื่อสำรองน้ำไว้ในอ่างฯให้มากที่สุด และเพียงพอใช้ตลอดฤดูแล้งปี 2563-2564 เนื่องจาก ปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลักลุ่มน้ำเจ้าพระยา ได้แก่ เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ ในปัจจุบันมีปริมาณน้ำรวมกันประมาณ 11,663 ล้านลูกบาศก์เมตร (ลบ.ม.) หรือ 47% ของความจุอ่างฯรวมกัน มีน้ำใช้การได้ประมาณ 4,967 ล้าน ลบ.ม. จะเห็นได้ว่าปริมาณน้ำใช้การได้ของ 4 เขื่อนหลัก ยังคงอยู่ในเกณฑ์น้อย ในขณะที่ใกล้จะสิ้นสุดฤดูฝนแล้ว ตามที่กรมอุตุนิยมวิทยาคาดไว้ว่าจะสิ้นสุดฤดูฝนประมาณกลางเดือนต.ค.นี้ ก่อนที่ฝนจะเลื่อนลงไปสู่ภาคใต้ต่อไป

สำหรับหย่อมความกดอากาศต่ำ กำลังแรงบริเวณทะเลจีนใต้ตอนกลางและมีแนวโน้มจะทวีกำลังแรงขึ้นเป็นพายุดีเปรสชันในวันที่ 6 ต.ค.2563 นี้ ซึ่งส่งผลกระทบต่อประเทศไทยในวันที่ 7-9 ต.ค. 2563 จะทำให้เกิดฝนตกหนักถึงหนักมากบริเวณภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนล่าง ภาคตะวันออก ภาคกลาง และภาคใต้ นั้น กรมชลประทาน ได้เตรียมความพร้อมรับสถานการณ์ที่อาจส่งผลกระทบต่อพื้นที่ทั้งในเขตชลประทานและนอกเขตชลประทาน ด้วยการเฝ้าระวังติดตามปริมาณน้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และอ่างเก็บน้ำขนาดกลางที่มีปริมาณน้ำมากกว่า 90% พร้อมบริหารจัดการน้ำ ปรับการระบายน้ำให้เหมาะสมสอดคล้องกับสถานการณ์ รวมทั้งการกำจัดวัชพืชไม่ให้กีดขวางทางน้ำ มีการแจ้งเตือนและประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนทราบอย่างทั่วถึง โดยเฉพาะในพื้นที่เสี่ยงน้ำท่วม-น้ำล้นตลิ่ง อีกทั้งให้จัดเตรียมเครื่องจักร เครื่องมือต่างๆ ประจำไว้ในพื้นที่เสี่ยงแล้ว

ส่วนกรณีของเขื่อนขุนด่านปราการชล จังหวัดนครนายก ปัจจุบันมีปริมาณน้ำในอ่างฯประมาณ 214 ล้าน ลบ.ม. หรือร้อยละ 97 ใกล้เต็มความจุของอ่าง ได้สั่งการให้ระบายน้ำเพื่อควบคุมปริมาณน้ำให้อยู่ในเกณฑ์ควบคุม ไม่ให้กระทบต่อพื้นที่ด้านท้ายเขื่อน ขอให้ทุกฝ่ายเชื่อมั่นในการบริหารจัดการน้ำให้เกิดประโยชน์สูงสุด ในส่วนของความมั่นคงแข็งแรงของตัวเขื่อน ได้สั่งการให้ผู้เชี่ยวชาญและเจ้าหน้าที่จากส่วนความปลอดภัย ลงพื้นที่ไปตรวจสอบสภาพความมั่นคงของเขื่อนขุนด่านฯอย่างละเอียด เพื่อสร้างความมั่นใจให้กับทุกภาคส่วนว่า มีความมั่นคงแข็งแรง ปลอดภัย และสามารถเก็บกักน้ำเพื่อสำรองไว้ใช้ในช่วงฤดูแล้งหน้านี้อย่างเต็มศักยภาพ