“ศักดิ์สยาม”เดินหน้าเร่ง 5 บิ๊กโปรเจ็กต์แก้จราจรลงสู่ภาคใต้



“ศักดิ์สยาม” เร่งบิ๊กโปรเจ็กต์แก้จราจรลงสู่ภาคใต้ เดินหน้ามอเตอร์เวย์นครปฐม-ชะอำ 7.9 หมื่นล้าน สั่งเคลียร์-ทำความเข้าใจ ปชช.ในพื้นที่ คาดเสนอ ครม. พ่วงเปิดประมูลภายในปี 64 แล้วเสร็จปี 68 พร้อมเตรียมเข็น “เอกชัย-บ้านแพ้ว” 16 กม. 2.1 หมื่นล้านเข้า ครม.ต้นเดือนหน้า เล็งของบปี 65 วงเงิน 2.6 พันล้าน ลุยทางหลวงสายใหม่ “แยกวังมะนาว”

นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม เปิดเผยภายหลังลงพื้นที่ติดตามข้อสั่งการจากนายกรัฐมนตรีในการดำเนินงานเพิ่มประสิทธิภาพโครงข่ายทางหลวงและแก้ไขปัญหาจราจร โดยเฉพาะในเส้นทางจากกรุงเทพมหานครสู่ภาคใต้ ว่า กระทรวงคมนาคม ได้เดินหน้าพัฒนาและปรับปรุงโครงข่ายทางหลวงเส้นทางสู่ภาคใต้ โดยได้เร่งรัดโครงการก่อสร้างทางหลวงพิเศษระหว่างเมือง (มอเตอร์เวย์) หมายเลข 8 สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กิโลเมตร (กม.) วงเงินลงทุน 79,000 ล้านบาทว่า ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาขออนุมัติโครงการในรูปแบบ PPP นอกจากนี้ กรมทางหลวงยังได้ดำเนินการจัดทำประชาพิจารณ์ และทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ จ.เพชรบุรี ที่ได้รับผลกระทบจากแนวเส้นทางของโครงการดังกล่าวระยะทางประมาณ 5 กม. เพื่อดำเนินการตามความต้องการของประชาชน และให้เกิดผลกระทบน้อยที่สุด 

ทั้งนี้ หากยังไม่สามารถหาข้อยุติได้นั้น เบื้องต้นจะแบ่งการดำเนินการเป็น 2 ตอน คือ ตอนแรกนครชัยศรีถึงเพชรบุรีบริเวณที่ติดปัญหาด้านหัว และตอนที่ 2 จากชะอำถึงเพชรบุรีอีกด้านหนึ่ง เพื่อให้โครงการเดินหน้าไม่ล้าช้า ก่อนที่จะมีการปรับรูปแบบต่อไปในอนาคต โดยการแบ่งการดำเนินการเป็นตอนนั้น จะคล้ายกับโครงการมอเตอร์เวย์บางปะอิน-นครราชสีมา และโครงการมอเตอร์เวย์บางใหญ่-กาญจนบุรี อย่างไรก็ตาม คาดว่าจะเสนอให้ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาอนุมัติภายในปี 2564 จากนั้นจะเปิดประมูลในปีเดียวกัน ก่อนที่จะเริ่มการก่อสร้างในปี 2565 ใช้ระยะเวลาก่อสร้าง 3 ปี หรือแล้วเสร็จในปี 2568

สำหรับโครงการมอเตอร์เวย์ หมายเลข 8 สายนครปฐม-ชะอำ ระยะทาง 109 กม. มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณชุมทางต่างระดับนครชัยศรี ซึ่งเชื่อมต่อโดยตรงกับมอเตอร์เวย์ สายบางใหญ่-กาญจนบุรี เส้นทางมุ่งหน้าลงใต้ถึงทางแยกต่างระดับท่ายาง มีรูปแบบก่อสร้างเป็นมอเตอร์เวย์ขนาด 4 ช่องจราจร และมีด่านเก็บค่าธรรมเนียมผ่านทางจำนวน 9 แห่ง โดยใช้เทคโนโลยี AIแบบระบบ M-Flow พร้อมมีที่พักริมทาง (Rest Area) จำนวน 5 แห่ง

นายศักดิ์สยาม ยังกล่าวถึงความคืบหน้าโครงการมอเตอร์เวย์ สายบางขุนเทียน-บ้านแพ้ว ระยะทาง 26 กม. วงเงิน 32,187 ล้านบาท แบ่งการก่อสร้างเป็น 2 ตอน คือ ช่วงบางขุนเทียน-เอกชัย ระยะทาง 10.6 กม. วงเงิน 10,500 ล้านบาท หรือโครงการก่อสร้างทางยกระดับบนทางหลวงหมายเลข 35 สายธนบุรี-ปากท่อ (ถนนพระราม 2) กม.11+959-21+500 ระยะทางรวม 10.6 กม. ปัจจุบันอยู่ระหว่างก่อสร้าง และจะแล้วเสร็จในปี 2565 ตามแผน 

ขณะที่ ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้ว ระยะทาง 16 กม. วงเงิน 21,687 ล้านบาท เตรียมเสนอให้ที่ประชุม ครม. พิจารณาในช่วงต้น ต.ค.นี้ หาก ครม. มีมติเห็นชอบโครงการฯ จะเข้าสู่กระบวนการประกวดราคาหาผู้รับจ้าง โดยจะใช้เวลาสร้าง 3 ปี หรือแล้วเสร็จในปี 2567 ซึ่งโครงการดังกล่าว จะใช้งบประมาณก่อสร้างจากกองทุนมอเตอร์เวย์ ที่มีรายได้ปีละ 10,000 กว่าล้านบาทมาดำเนินการ โดยจะไม่ใช้งบประมาณปกติ 

ทั้งนี้ โครงการมอเตอร์เวย์ ช่วงเอกชัย-บ้านแพ้วนั้น คาดว่าจะไม่มีปัญหาในการดำเนินการ เนื่องจากได้ศึกษาแหล่งเงินทุนไว้เรียบร้อยแล้ว โดยเมื่อโครงการแล้วเสร็จ และเปิดให้บริการ จะมีรายได้จากการจัดเก็บค่าผ่านทาง ซึ่งจะสามารถนำรายได้กลับคืนสู่กองทุนมอเตอร์เวย์เพื่อพัฒนามอเตอร์เวย์ในเส้นทางอื่นต่อไปอีกด้วย สำหรับโครงการดังกล่าวนั้น จะเป็นทางยกระดับขนาด 6 ช่องจราจร ซึ่งมีด่านเก็บค่าผ่านทางที่ใช้เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) มาบริหารจัดการในรูปแบบระบบเก็บค่าผ่านทางแบบไม่มีไม้กั้น (M-FLOW)

ในส่วนความคืบหน้าโครงการปรับปรุงทางหลวงหมายเลข 35 (ถนนพระราม 2) ตอนทางแยกต่างระดับบางขุนเทียน-เอกชัย กม.9+800 กม.21+500 ระยะทาง 11.700 กม. วงเงิน 2,300 ล้านบาท โดยได้ขยายช่องจราจร จากเดิมมี 10 ช่องไปกลับ เป็น 14 ช่องไปกลับ ปัจจุบันมีก้าวหน้าอยู่ที่ 82% โดยได้ปูผิวจราจรเสร็จทั้งหมดแล้ว อยู่ระหว่างก่อสร้างสะพานกลับรถ (เกือกม้า) 2 ตัว คาดว่าจะแล้วเสร็จ ธ.ค. 2563 

นายศักด์สยาม กล่าวต่ออีกว่า ในส่วนของโครงการทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ระยะทางรวม 36.8 กม. วงเงิน 2,650 ล้านบาท (ยังไม่รวมค่าเวนคืน) นั้น ได้สั่งการให้กรมทางหลวงเร่งดำเนินการ เพื่อให้เป็นไปตามมติ ครม.สัญจร ที่ จ.กาญจนบุรี เมื่อวันที่ 12 พ.ย. 2562 ที่ผ่านมา โดยปัจจุบันได้รับงบประมาณปี 2564 วงเงิน 40 ล้านบาท เพื่อสำรวจและออกแบบรายละเอียด พร้อมทั้งทบทวนผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม (EIA) จากนั้นจะเสนอของบประมาณก่อสร้างและเริ่มดำเนินการก่อสร้างในปี 2565 จากเดิมจะเสนอของบในปี 2566 ทั้งนี้ เพื่อเป็นการแก้ปัญหาการจราจรบนถนนหมายเลข 4 และบริเวณแยกวังมะนาว รวมถึงเป็นทางหลวงอีกเส้นหนึ่ง สำหรับประชาชนใช้เดินทางลงสู่ภาคใต้ด้วย โดยคาดว่าพร้อมเปิดให้บริการในปี 2568  

สำหรับโครงการทางหลวงแนวใหม่ เชื่อมต่อสามแยกวังมะนาว-บรรจบทางหลวงหมายเลข 3510 มีจุดเริ่มต้นโครงการบริเวณสามแยกวังมะนาว ถึง อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี แบ่งช่วงดำเนินการ เป็น 3 ตอน ได้แก่ ตอนที่ 1 ช่วงสามแยกวังมะนาว-บ.หนองลังกา ระยะทาง 14.8 กม. ก่อสร้างเป็นทางแนวใหม่ ขนาด 4 ช่องจราจร รวมทางแยกต่างระดับ, ตอนที่ 2 ช่วง บ.หนองลังกา-บ.ห้วยศาลา ระยะทาง 7.1 กม. ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3206 ขยายเป็น 4 ช่องจราจร และตอนที่ 3 ช่วง บ.ห้วยศาลา-สี่แยกเข้า อ.หนองหญ้าปล้อง ระยะทาง 14.9 กม. ตามแนวทางหลวงหมายเลข 3510 ขยายเป็น 4 ช่องจราจร

นอกจากนี้ ยังมีโครงการปรับปรุงก่อสร้างสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองบนทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 4 (สะพานสิริลักขณ์) ที่ตัดผ่านบริเวณเมืองราชบุรี ปัจจุบันตัวสะพานเดิมมีสภาพทรุดโทรม มีอายุการใช้งานมากกว่า 65 ปี มีขนาด 4 ช่อง แบ่งเป็น ขาไป 2 ช่อง ขากลับ 2 ช่อง มีสภาพเป็นคอขวดไม่สามารถรองรับปริมาณการจราจรได้เพียงพอ จึงปรับปรุงเป็นสะพานขนาด 3 ช่องคู่ขนาน รวม 6 ช่องไปกลับ ความยาวสะพานข้างละ 267 เมตร งบประมาณ 700 ล้านบาท ขณะนี้ ได้รับงบประมาณเรียบร้อยแล้ว 

อย่างไรก็ตาม ตนมีแนวคิดจะการปรับปรุงใหม่นี้จะแยกสะพานออกมาต่างหาก ไม่เกี่ยวกับสะพานเดิม ทำให้เพิ่มเป็น 10 ช่องจะดีกว่าหรือไม่ โดยสั่งการให้ ทล. ไปพิจารณาความเป็นไปได้ต่อไป เพื่อไม่ให้มีปัญหาการก่อสร้าง สำหรับโครงการดังกล่าว ได้รับงบประมาณปี 2564 เพื่อสำรวจออกแบบและศึกษารายงานผลกระทบสิ่งแวดล้อม (EIA) คาดว่าจะดำเนินงานก่อสร้างในปี 2566 แล้วเสร็จในปี 2568

“จากการลงพื้นที่ จ.ราชบุรีในวันนี้ (23 ก.ย. 2563) เพื่อมารับฟังปัญหาและมาถามประชาชนจาก 5 จังหวัด ได้แก่ นครปฐม สมุทรสาคร สมุทรสงคราม เพชรบุรี และราชบุรีว่า อยากให้โครงการเกิดขึ้นไหม ถ้าต้องการให้ทำ กระทรวงคมนาคมพร้อมจะทำให้ทันที เพราะเส้นทางดังกล่าวเป็นประตูสู่ภาคใต้ที่สำคัญ มีพื้นที่การท่องเที่ยวมากมาย รวมถึงด้านเกษตรกรรมที่จำเป็นต้องเดินทางอย่างสะดวก และมีความคล่องตัว” นายศักดิ์สยาม กล่าว

ด้านนายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง กล่าวว่า กรมทางหลวงได้รับนโยบายจากนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม ให้เร่งรัดดำเนินโครงการดังกล่าว ซึ่งวันนี้ถือเป็นโอกาสดีที่ท่านรัฐมนตรีได้ลงพื้นที่มาดูความคืบหน้าด้วยตนเอง กรมทางหลวงจะเดินหน้าโครงการให้แล้วเสร็จตามกำหนดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนได้เร็วที่สุด แก้ไขปัญหาการจราจรติดขัด รองรับปริมาณรถที่เพิ่มสูงขึ้น เชื่อมโยงการเดินทางระหว่างพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑลกับพื้นที่ภาคใต้ อีกทั้งยังช่วยประหยัดเวลาและค่าใช้จ่าย ทำให้การเดินทางสะดวก รวดเร็ว และปลอดภัยยิ่งขึ้น ส่งเสริมการท่องเที่ยว กระตุ้นเศรษฐกิจ พร้อมทั้งยกระดับคุณภาพชีวิตประชาชนในภูมิภาคและประเทศไทย