

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า โฆษกรัฐบาลญี่ปุ่นกล่าวในวันที่ 31 สิงหาคมว่า นายกรัฐมนตรี “ชินโซ อาเบะ” ของญี่ปุ่นพูดคุยกับ “โดนัลด์ ทรัมป์” ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า การเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งของทั้ง 2 ประเทศจะยังคงอยู่ แม้แต่หลังจากที่เขาลงจากตำแหน่ง จากการหารือทางโทรศัพท์ประมาณ 30 นาที “อาเบะ” อธิบายเหตุผลในการตัดสินใจของเขาในวันศุกร์ในการลงจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ด้าน “ทรัมป์” กล่าวถึง “อาเบะ” ว่า เป็นนายกรัฐมนตรีที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น
“ทรัมป์” กล่าวว่า “ผมต้องการแสดงความเคารพสูงสุดต่อท่านนายกรัฐมนตรีชินโซ อาเบะ..มิตรผู้ยอดเยี่ยมของผม ผมเพียงรู้สึกไม่มีความสุขนักเกี่ยวกับการลาออกของเขา”
สำหรับความคืบหน้าบรรยากาศการเฟ้นหาผู้นำญี่ปุ่นคนใหม สื่อท้องถิ่นญี่ปุ่นเกียวโด นิวส์ รายงานอ้างแหล่งข่าวในรัฐบาลว่า “โยชิฮิเดะ ซูกะ” เลขาธิการคณะรัฐมนตรีญี่ปุ่น ได้ตัดสินใจที่จะร่วมแข่งขันชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีแล้ว และมีจุดยืนดำเนินนโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจและการคลัง ตามแนวทางการบริหารของ “อาเบะ” เหมือนที่ผ่านมา
หากข่าวดังกล่าวเป็นความจริง “ซูกะ” จะต้องชิงตำแหน่งกับตัวเต็งอย่าง “ฟูมิโอะ คิชิดะ” อดีต รมว.ต่างประเทศ และ “ชิเกรุ อิชิบะ” อดีต รมว.กลาโหม ที่คะแนนนิยมจากผลสำรวจความคิดเห็นสมาชิกพรรครัฐบาลเสรีประชาธิปไตย หรือแอลดีพี อยู่ที่ 10-25 เปอร์เซ็นต์
ขณะที่อีกหนึ่งตัวเต็งคือ “ชินจิโร โคอิซุมิ” รมว.สิ่งแวดล้อมวัย 39 ปี ผู้เป็นลูกชายของ “จุนอิจิโร โคอิซุมิ” อดีตนายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น กระนั้นล่าสุดเจ้าตัวได้ประกาศไม่ร่วมลงแข่งแล้ว แต่จะสนับสนุน “ทาโร โคโนะ” รมว.กลาโหมคนปัจจุบัน หาก “ทาโร” ร่วมลงแข่ง และสำหรับการเลือกตั้งภายในของพรรคแอลดีพี คาดว่าจะมีขึ้นระหว่างวันที่ 13-15 กันยายนนี้