

นายวราวุธ ศิลปอาชา รมว.ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายและยุทธศาสตร์พรรคชาติไทยพัฒนา เปิดเผยถึงท่าทีของ พรรคชาติไทยพัฒนาในการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า จากการที่พรรคชาติไทยพัฒนาได้เป็นจุดเริ่มต้นในการปฏิรูปการเมืองตั้งแต่เมื่อปี 2538 สมัยที่นายบรรหาร ศิลปอาชา เป็นนายกรัฐมนตรี จึงคิดว่าแนวทางการใช้สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) นั้น จะเป็นแนวทางที่จะสามารถทำให้ช่วยลดแรงกดดันทางการเมืองที่เกิดขึ้นในปัจจุบันได้ และหลายฝ่ายก็เรียกหาอยู่ แต่การที่จะมี ส.ส.ร. ก็ต้องมีเงื่อนไขว่าในหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 นั้นจะต้องไม่มีการปรับปรุง จะต้องไม่ไปแตะต้องเพราะเป็นสิ่งที่พวกเราคนไทยเคารพนับถือ
ทั้งนี้ในส่วนการแก้ไขมาตราอื่นนั้น ไม่ว่าจะเป็นที่มาของวุฒิสภา(ส.ว.) ก็ต้องมาหารือกันเพราะก่อนหน้านี้ที่มีส.ว. ชุดปัจจุบันก็เกิดข้อครหาขึ้น แต่เมื่อมี ส.ว. ที่มีการเลือกตั้งขึ้นมาในสมัยนั้นทางพรรคชาติไทยพัฒนาก็จำได้ว่ามีการตั้งข้อสังเกตว่าเป็นสภาผัวเมีย สภาพ่อลูกบ้าง ก็เกิดข้อครหาเช่นกัน ฉะนั้นปัญหาเหล่านี้ทาง ส.ส.ร. จะต้องนั่งถกกันให้ดีว่าจะเอาอย่างไร จะเลือกหรือไม่เลือก ต่างกันอย่างไร จะสอบถาม ความเห็นทั่วประเทศผ่านประชาชนหรือไม่ เพราะเราทุกคนเห็นมากันหมดแล้วทั้งเลือกตั้งส.ว. แต่งตั้งส.ว. ดังนั้นวันนี้จึงต้องถามกับสังคมไทยว่า เลือกตั้งหรือไม่เลือกสังคมไทยอยากได้แบบไหน คนไทยคิดว่าอย่างไร กลไกเหล่านี้ ต้องเป็นหน้าที่ของ ส.ส.ร. ที่จะตัดสินว่าที่มาของส.ว. จะเป็นอย่างไร ดังนั้นองค์ประกอบที่สำคัญคือการหาที่มาของ ส.ส.ร. จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก
นายวราวุธ กล่าวว่า พรรคชาติไทยพัฒนา เห็นว่าถึงอย่างไรก็ต้องมี 2 สภา คือสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา เพราะในหลายๆประเทศจะต้องมีสองสภาเอาไว้คานกัน ตรวจสอบซึ่งกันและกันและแน่นอนว่า ส.ส.ร.จะต้องประกอบไปด้วยคนรุ่นใหม่ น้องๆที่ออกมาแสดงความเห็นกันมากมายในขณะนี้ แน่นอนว่าจะต้องมีตัวแทนของพวกเขาขึ้นมา แต่ในขณะเดียวกันพรรคชาติไทยพัฒนาเห็นว่า ก็ต้องมีคนรุ่นใหญ่อยู่ด้วยเช่นกัน อย่างที่หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนาเคยพูดไว้ว่าประเทศชาติถ้าไม่มีคนรุ่นใหญ่ รุ่นคุณพ่อคุณแม่ ก็คงจะมาไม่ถึงวันนี้ แต่ถ้าหากไม่มีคนรุ่นใหม่ เข้ามาเสริมเราก็ไม่สามารถจะเดินต่อไปข้างหน้าได้ ดังนั้น ส.ส.ร. จำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีผสมผสานกัน ทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่เข้าด้วยกัน เหมือนที่พรรคชาติไทยพัฒนาทำอยู่ทุกวันนี้ และคนรุ่นใหญ่จะต้องยอมรับฟังความเห็น คนรุ่นใหม่ ในขณะเดียวกันคนรุ่นใหม่เองก็ต้องพยายามเข้าใจคนรุ่นใหญ่ด้วยเช่นกันว่า ที่มาที่ไปของแนวความคิดต่างๆนั้นมาได้อย่างไร
นอกจากนี้ที่สำคัญการแก้ไขรัฐธรรมนูญของประเทศไทยเราทำมาหลาย 10 ครั้งแล้ว ดังนั้นจะต้องตั้งเป้าในการแก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งนี้ให้ดีว่าท้ายที่สุดแล้วเราต้องการบริบทของสังคมไทยในอนาคตหลังจากโควิด-19 แล้วเป็นอย่างไรแล้วก็ต้องถอยกลับมาดูว่าเป้าประสงค์ของ ส.ส.ร. ชุดที่จะมีขึ้นนั้นควรจะออกมาในรูปแบบใด
อย่างไรก็ตาม ส.ส.ร. จะต้องมีความเป็นอิสระ เหมือนในสมัยที่นายกฯบรรหารทำ นั้นเป็นสิ่งที่ได้รับการยอมรับจากคนทุกสาขาอาชีพที่เข้ามา และได้ให้อิสระ ในการปฎิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ ดังนั้นจึงเป็นความสำคัญว่าถ้ามี การตั้งส.ส.ร.ขึ้นมา ทั้งคนรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่นั้นในนาทีนี้แรงกดดันทางการเมืองที่มีขึ้นในประเทศไทยขณะนี้ เกิดขึ้นโดยการใช้อารมณ์เป็นตัวตั้งอยู่พอสมควร ดังนั้นการจะตั้ง ส.ส.ร. จากนี้อย่าเพิ่งทำด้วยความสะใจ อย่าเพิ่งเอาเพื่อใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสิน เพราะถ้าใช้อารมณ์เป็นตัวตัดสินแล้วรัฐธรรมนูญที่ออกมาก็จะเป็นรัฐธรรมนูญที่ออกมาด้วยการใช้อารมณ์
“ผมถึงได้เน้นว่าทั้งรุ่นใหม่และรุ่นใหญ่ หากมีการประชุมก็ต้องเข้าใจความต้องการ และเข้าใจในเหตุผลซึ่งกันและกันเพราะไม่เช่นนั้นถ้ารุ่นใหญ่จะเอาแต่ตัวเอง ว่าที่ผ่านมาจะเอาแบบนี้ก็คงไม่เกิดประโยชน์ หรือถ้ารุ่นใหม่บอกว่าจะต้องเปลี่ยนไปเป็นแบบนี้ มันก็จะไม่จบและออกมาบูดๆ เบี้ยวๆ ดังนั้น ต้องคัดเลือกคนที่เข้ามา ทำหน้าที่ ส.ส.ร.ให้ดี” นายวราวุธ กล่าว
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวได้ถามว่า พรรคชาติไทยพัฒนาจะเสนอแนะให้นำข้อดีของรัฐธรรมนูญปี40 มาปรับใช้ในการแก้ไขปรับปรุง ธรรมนูญฉบับใหม่นี้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า รัฐธรรมนูญ ทุกฉบับมีทั้งข้อดีและข้อด้อย ฉบับปี40 ข้อดีก็มีมาก แต่ก็มีข้อด้อยเหมือนกัน แม้แต่รัฐธรรมนูญปี 60 ที่เราใช้กันอยู่ปัจจุบันข้อดีก็มีข้อด้อยก็เยอะ ดังนั้นถ้าจะนำข้อดีของแต่ละฉบับมารวมกัน แล้วศึกษาข้อด้อยของแต่ละฉบับว่าเป็นอย่างไร คงต้องเป็นบทบาทของ ส.ส.ร.ที่จะต้องพิจารณาแนวทางดำเนินการ
อีกทั้งเมื่อถามว่าบางพรรคเห็นด้วยที่จะให้มีการยุบสภา เพื่อเลือกตั้งใหม่ตามข้อเสนอของภาคประชาชน นายวราวุธกล่าวว่า คงต้องมาดูกันว่าเมื่อถึงวันที่รับธรรมนูญฉบับใหม่ เมื่อแก้แล้วออกมาใช้ แล้วสภาชุดนี้มีเวลาเหลืออีกเท่าไหร่ รวมไปถึงความพร้อมในการเตรียมการตามรัฐธรรมนูญนั้น มีเวลาเพียงพอหรือไม่ ดังนั้นยังตอบในขณะนี้ไม่ได้จึงต้องดูสถานการณ์ในวันที่รัฐธรรมนูญฉบับนี้ร่างเสร็จว่าจะดำเนินการกันอย่างไร
อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวยังสอบถามด้วยว่า พรรคร่วมรัฐบาลจะหารือเรื่องแก้ไขแล้วธรรมนูญเมื่อไหร่ นายวราวุธ กล่าวว่า ทราบว่าในวันเดียวกันนี้จะมีการพูดคุยหารือกันในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลซึ่งทางพรรคชาติไทยพัฒนาได้มอบหมายให้นายนิกร จำนง ส.ส. บัญชีรายชื่อพรรคชาติไทยพัฒนา และผอ.พรรคชาติไทยพัฒนา เป็นตัวแทนร่วมหารือ