

นายศรีสุวรรณ จรรยา เลขาธิการสมาคมองค์การพิทักษ์รัฐธรรมนูญไทย เปิดเผยว่า วันพรุ่งนี้ (20 ส.ค.) ตนจะเดินทางไปยื่นคำร้องต่อ กกต. หลังจากที่นายณัฐวุฒิ บัวประทุม ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ให้สัมภาษณ์ที่พรรคก้าวไกลว่า จะเสนอญัตติด่วนขอแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญ 2560 ร่วมกับพรรคร่วมฝ่ายค้านในหมวดที่ 1 หมวดทั่วไป และหมวดที่ 2 พระมหากษัตริย์ ซึ่งหมายรวมถึงข้อเสนอ 10 ข้อ ของนักศึกษาที่ก้าวล่วงสถาบันพระมหากษัตริย์ การขอแก้ไขรัฐธรรมนูญหมวดดังกล่าว มีความอ่อนไหวต่อความรู้สึกของพสกนิกรชาวไทยเป็นอย่างมาก และเป็นการก้าวล่วงที่มิควรเกิดขึ้นกับพรรคการเมือง หรือนักการเมืองที่เคยปฏิญาณตน ว่าจะรักษาไว้ และปฏิบัติตามซึ่งรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทยทุกประการ
ทั้งนี้การจะยื่นญัตติเพื่อขอแก้ไขหมวดที่ว่าด้วยพระมหากษัตริย์ ซึ่งเหมาะสมดีอยู่แล้วนั้น เป็นการกระทำที่สุ่มเสี่ยงต่อการละเมิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง 2560 ม.92 (2) ที่ระบุไว้ชัดเจนว่าเมื่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง มีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่า พรรคการเมืองใดกระทําการอย่างใดอย่างหนึ่งดังต่อไปนี้ ให้ยื่นศาลรัฐธรรมนูญ เพื่อสั่งยุบพรรคการเมืองนั้น นั่นคือกระทําการอันอาจเป็นปฏิปักษ์ต่อการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข
“แม้รัฐธรรมนูญ 2560 ม.255 ประกอบ ม.256 จะเป็นตัวกำกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้อยู่แล้ว แต่การเปิดช่องให้มีการแก้ไขหมวดที่ 1 และ 2 เพื่อยกขึ้นมาถกเถียง แล้วนำไปสู่การการแก้ไขหมวดดังกล่าว ย่อมมีผลกระทบต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ทั้งทางตรงและทางอ้อม ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านี้พรรคร่วมฝ่ายค้านหลักได้ยื่นญัตติเพื่อขอแก้ไขรัฐธรรมนูญไปแล้ว โดยไม่แตะต้องหมวดที่ 1 และหมวดที่ 2 เลย แต่การให้สัมภาษณ์ของ ส.ส.พรรคก้าวไกลดังกล่าว ย่อมสะท้อนให้เห็นถึงพฤติการณ์ และการกระทำอย่างไม่ต้องสงสัยเลยว่า คิดเห็นอย่างไรเกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์” นายศรีสุวรรณ กล่าว
นายศรีสุวรรณ กล่าวต่อว่า จะไปยื่นคำร้องเพื่อขอให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง ( กกต.) ใช้อำนาจตามพ.ร.ป.พรรคการเมือง 2650 ม.93 เพื่อยื่นคําร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญตาม ม.92 ว่าการกระทำของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นการฝ่าฝืนมาตราดังกล่าวหรือไม่ ซึ่งถ้า กกต.ตรวจสอบแล้วว่าเข้าข่าย ก็สามารถเสนอศาลรัฐธรรมนูญสั่งยุบพรรคดังกล่าวต่อไป และขอให้ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้พรรคการเมืองระงับการกระทําดังกล่าวไว้เป็นการชั่วคราว จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัยออกมาเป็นที่สุดต่อไป
ทั้งนี้หาก ส.ส.รายใดและพรรคการเมืองพรรคใด ร่วมลงชื่อยื่นญัตติแก้ไขหมวดดังกล่าว ก็จะต้องถูกตรวจสอบตามไปด้วย