

- มีทั้งสินค้าเกษตร อาหาร อุปกรณ์ทางการแพทย์ ของใช้ในบ้าน
- ย้ำไทยมีศักยภาพผลิตรองรับความต้องการตลาดได้อีกมาก
- แนะผู้ประกอบการเร่งสร้างความเชื่อมั่นการผลิตปลอดโควิด
นางสาวพิมพ์ชนก วอนขอพร ผู้อำนวยการสำนักงานนโยบายและยุทธศาสตร์การค้า (สนค.) เปิดเผยว่า ในช่วงครึ่งแรกของปี 63 การส่งออกของไทยต้องเผชิญกับปัจจัยลบต่างๆ โดยเฉพาะการแพร่ระบาดของโควิด-19 ที่ส่งผลให้เศรษฐกิจการค้าโลกชะลอตัว และมูลค่าการส่งออกของไทยลดลงมาก แต่เมื่อพิจารณาการส่งออกไปตลาดสำคัญ พบว่า สินค้าไทยยังมีศักยภาพอยู่หลายรายการ ที่จะผลักดันการส่งออกให้กลับมาฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง
ทั้งนี้ จากการที่สนค.ได้ศึกษาวิเคราะห์การส่งออกของไทยไปยังตลาดส่งออกสำคัญ ได้แก่ สหรัฐฯ จีน สหภาพยุโรป(15ประเทศ) ญี่ปุ่น และซีแอลเอ็มวี (กัมพูชา ลาว เมียนมา และเวียดนาม) ในช่วงครึ่งแรกของปี 63 เทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน เพื่อหาสินที่มีค้าศักยภาพในแต่ละตลาด พบว่า ตลาดสหรัฐฯ สินค้าที่มีศักยภาพที่จะผลักดันการส่งออกได้เช่น ข้าวหอมมะลิไทย, ทูน่ากระป๋องและแปรรูป, อาหารสัตว์เลี้ยง, แป้งมันดิบทำจากมันสำปะหลัง, ผ้าผืนทำจากไหมและฝ้าย, โครงก่อสร้างทำด้วยเหล็ก, เครื่องสุขภัณฑ์คอมพิวเตอร์และอุปกรณ์ เป็นต้น
ส่วนตลาดจีน มีทั้งทุเรียนสด, มังคุดสด, ปลาแปรรูป, ผลไม้แปรรูป, ผักกระป๋องและแปรรูป, เครื่องดื่มแต่งกลิ่นรสไม่มีแอลกอฮอล์, รถยนต์นั่ง และส่วนประกอบ และรถจักรยานยนต์ เป็นต้น ขณะที่ตลาดยุโรป เช่น เนื้อไก่สดและไก่แปรรูป, ข้าวหอมมะลิไทย ข้าวอินทรีย์, อาหารสุนัขและแมว, ซอสถั่วเหลือง, ผักและผลไม้เชื่อม แช่อิ่ม ดอง และกระป๋อง เป็นต้น ด้านตลาดญี่ปุ่น เช่น เนื้อไก่สดและไก่แปรรูป, วัตถุที่ได้จากพืช เศษพืช สำหรับใช้เลี้ยงสัตว์, อาหารสุนัขและแมว, ผักสด แช่เย็น แช่แข็ง, ผักและผลไม้เชื่อม แช่อิ่ม ดอง และกระป๋อง เป็นต้น และตลาดซีแอลเอ็มวี เช่นน้ำตาลทรายขาว, สุกรและโคกระบือมีชีวิต, เครื่องดื่มปรุงแต่งกลิ่นและรส, ปลาแปรรูป เป็นต้น
“สินค้าส่วนใหญ่มีแนวโน้มเติบโตได้ดี มีความต้องการสูงในช่วงการแพร่ระบาด โดยเฉพาะสินค้าเกษตรและอาหารเช่น ข้าว อาหารแห้ง อาหารกระป๋อง อาหารสำเร็จรูป อาหารสัตว์เลี้ยง รวมถึงสินค้าที่เป็นวัตถุดิบสำหรับผลิตอุปกรณ์ทางการแพทย์ สินค้าที่สนับสนุนการดำเนินชีวิตวิถีใหม่ สินค้าที่เกี่ยวข้องกับการทำงานที่บ้าน และการปรับปรุงบ้านซึ่งไทยมีความสามารถในการผลิตรองรับความต้องการในตลาดอีกมาก แต่ผู้ประกอบการต้องสร้างความเชื่อมั่นให้กับผู้บริโภคให้นำเข้าต่อเนื่อง เพราะการผลิตของไทยไม่ได้รับผลกระทบจากโควิด-19 สินค้าไทยยังมีคุณภาพมาตรฐานและความปลอดภัยเช่นเดิม” นางสาวพิมพ์ชนก กล่าว