พาณิชย์แจ้งข่าวดี! ไทยแชมป์ส่งออกทุเรียนของโลก



  • อานิสงส์เอฟทีเอ ทำคู่ค้า 17 ประเทศ เลิกเก็บภาษีนำเข้า 
  • ส่งออกไปจีนมากสุดยอดใช้สิทธิประโยน์เต็ม 100% 
  • แนะผู้ผลิต/ส่งออกรักษาคุณภาพ มาตรฐานให้ได้ต่อเนื่อง

นายวีรศักดิ์ หวังศุภกิจโกศล รมช.พาณิชย์ เปิดเผยว่า ได้มอบให้กรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ ติดตามการใช้ประโยชน์จากความตกลงการค้าเสรี (เอฟทีเอที่ไทยทำกับประเทศต่างๆ ในช่วงวิกฤตโควิด-19 โดยเฉพาะสินค้าเกษตร ซึ่งเป็นเศรษฐกิจสำคัญของประเทศ และรายได้หลักของเกษตรกร พบว่า ในช่วงเดือนม..-มิ..63 ไทยครองแชมป์ประเทศผู้ส่งออกทุเรียนอันดับ 1 ของโลก ด้วยมูลค่า 1,411 ล้านเหรียญสหรัฐฯ เพิ่มขึ้น 73% จากช่วงเดียวกันของปี 62 โดยในจำนวนนี้ เป็นการส่งออกทุเรียนสดไปประเทศคู่เอฟทีเอ รวม 1,396 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 74% คิดเป็นสัดส่วน 99% ของการส่งออกทุเรียนไทยทั้งหมด และทุเรียนสดมีสัดส่วนการส่งออกสูงถึง 69% ของการส่งออกผลไม้สดของไทย  

สำหรับตลาดส่งออกอันดับ 1 คือ จีน มูลค่า 1,022 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้นกว่า 140% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนส่วนแบ่งตลาด 73% ของการส่งออกทุเรียนสดทั้งหมด ตามด้วย ฮ่องกง  207 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 34% ส่วนแบ่งตลาด 15% และอาเซียน 164 ล้านเหรียญฯ เพิ่มขึ้น 25% ส่วนแบ่งตลาด 12% โดยส่งออกไปเวียดนามมากที่สุดในอาเซียน 

ด้านนางอรมน ทรัพย์ทวีธรรม อธิบดีกรมเจรจาการค้าระหว่างประเทศ กล่าวว่า เอฟทีเอมีส่วนสำคัญที่ช่วยให้การส่งออกทุเรียนของไทยเติบโตได้ดี เพราะทำให้ประเทศผู้นำเข้าที่สำคัญของไทย ไม่เก็บภาษีนำเข้า จึงทำให้ได้แต้มต่อในการแข่งขันกับคู่แข่งประเทศอื่น โดยปัจจุบัน 17 ประเทศคู่เอฟทีเอ ได้แก่ อาเซียน 9 ประเทศ จีน ฮ่องกง ออสเตรเลียนิวซีแลนด์ ญี่ปุ่น อินเดีย ชิลี และเปรู ยกเว้นภาษีนำเข้าทุเรียนสดให้ไทยแล้ว เหลือเพียงเกาหลีใต้ ที่ยังเก็บภาษีนำเข้าที่ 36% 

การส่งออกทุเรียนสดไปจีน ผู้ส่งออกไทยขอให้สิทธิประโยชน์ส่งออกภายในเอฟทีเออาเซียนจีน สูงเป็นอันดับที่ 1 เป็นสัดส่วน 100% ของมูลค่าการส่งออกทุเรียนสดไปจีนทั้งหมด เกษตรกรและผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับการรักษามาตรฐานสินค้า และพัฒนาคุณภาพการผลิต โดยพิถีพิถันตั้งแต่การเพาะปลูก การบรรจุหีบห่อ มีใบรับรองสุขอนามัยพืช รวมทั้งหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีและยาฆ่าแมลง เพราะปัจจุบัน ผู้บริโภคนิยมผลไม้ปลอดสารพิษ หรือเกษตรอินทรีย์เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ ควรใช้ช่องทางการขายออนไลน์เพื่อให้เข้าถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น และให้ทุเรียนไทยครองแชมป์ในตลาดอย่างยั่งยืน”