พิษ “ซินลากู”ซัดทำถนนทางหลวงพังยับ 11 แห่ง

  • พายุซัดทำถนนทางหลวงถูกน้ำท่วมหนักใน7จังหวัดพังยับกว่า 7 สายทาง 11 แห่ง
  • พบเส้นทางประชาชนสัญจร จราจรผ่านไม่ได้ 5 แห่ง
  • ทางหลวงสั่งระดมเจ้าหน้าที่-อุปกรณ์ พ่วง เฝ้าระวังสถานการณ์ พร้อมแนะนำเส้นทางเลี่ยง

นายสราวุธ ทรงศิวิไล อธิบดีกรมทางหลวง (ทล.) ระบุว่า จากอิทธิพลของพายุซินลากูได้ทำให้มีฝนตกหนักในหลายพื้นที่ ส่งผลให้ ถนนทางหลวงถูกน้ำท่วมใน 7 จังหวัดประกอบด้วย จังหวัดเชียงราย, จังหวัดเชียงใหม่, จังหวัดน่าน, จังหวัดอุตรดิตถ์, จังหวัดเลย, จังหวัดลำปาง และจังหวัดมหาสารคาม โดยมีถนนทางหลวงเสียหายใน 7 สายทางจำนวนกว่า 11 แห่ง ส่งผลทำให้ประชาชนไม่สามารถสัญจรผ่านไปมาได้ 5 แห่ง ดังนี้ 1.จังหวัดเชียงราย จำนวน 1 แห่ง ทางหลวงหมายเลข 118 ตอน ดอยนางแก้ว-แม่สรวย น้ำล้น ทางเบี่ยงโครงการก่อสร้าง ช่วง กม.ที่ 58 และ 61 หากประชาชนจะสัญจรเส้นทางดังกล่าวให้ใช้เส้นทางเลี่ยง ใน 3 เส้นทางนี้คือ เส้นทางที่ 1 ทางหลวงหมายเลข 11 (เชียงใหม่) เข้าทางหลวงหมายเลข 1 (ลำพูน-ลำปาง) เข้าพะเยา-เชียงราย , เส้นทางที่ 2 ทางหลวงหมายเลข 1001 (เชียงใหม่) เข้าทางหลวงหมายเลข 1150 (พร้าว) เข้าทางหลวงหมายเลข 118 (เวียงป่าเป้า) เข้าเชียงราย และ เส้นทางที่ 3 ทางหลวงหมายเลข 107 (เชียงใหม่) เข้าทางหลวงหมายเลข 109 (ฝาง) เข้าทางหลวงหมายเลข 118 (แม่สรวย) เข้าสู่เชียงราย

ส่วนถนนทางหลวงที่เสียหาย จนไม่สามารถสัญจรได้ในจังหวัดเชียงใหม่ มี 1 แห่ง คือ ทางหลวงหมายเลข 118 ตอน เชียงใหม่-ดอยนางแก้ว เนื่องจากมีน้ำป่าไหลหลากทำให้ถนนทางเบี่ยงบริเวณพื้นที่ก่อสร้างสะพานขาด ช่วง กม.ที่ 32+260, 32+940 และ 39 คาดว่าจะเปิดการจราจรได้วันที่ 5 ส.ค. 63 ดังนั้นหากจะสัญจรบริเวณนี้ทางหลวงแนะนำให้ใช้เส้นทางเลี่ยงใน 3 เส้นทางนี้คือ เส้นทางที่ 1 จากจังหวัดเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 11 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1 (ลำพูน – ลำปาง) เข้าสู่พะเยา – เชียงราย , เส้นทางที่ 2 จากจังหวัดเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 1001 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1150 (พร้าว) เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 118 (เวียงป่าเป้า) เข้าสู่เชียงราย และ เส้นทางที่ 3 จากจังหวัดเชียงใหม่ใช้ทางหลวงหมายเลข 107 เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 109 (ฝาง) เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 118 (แม่สรวย) เข้าสู่เชียงราย

สำหรับเส้นทางหลวงในจังหวัดอุตรดิตถ์ เสียหาย 1 แห่ง คือ ทางหลวงหมายเลข 1176 ตอน ท่าโพธิ์-บ้านสวน น้ำกัดเซาะคอสะพาน ช่วง กม.ที่ 3 บริเวณสะพานห้วยทรายขาว อยู่ระหว่างดำเนินการจัดทำทางเลี่ยง พร้อมเจ้าหน้าที่อำนวยความสะดวกด้านการจราจรในพื้นที่ ส่วนถนนที่เสียหายในจังหวัดเลย พบ 1 แห่งคือ ทางหลวงหมายเลข 2108 ตอน ธาตุจอมศรี-ชมเจริญ เกิดจากน้ำป่าไหลหลากทำให้พื้นที่โครงการก่อสร้างทางทำให้ทางเบี่ยงบริเวณก่อสร้างขาด ช่วง กม.ที่ 0 หากจะสัญจรใช้เส้นทางเลี่ยงจากอำเภอปากชม ทางหลวงหมายเลข 2108 เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท ลย.4009 ประมาณ 1.4 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาไป 1.8 กิโลเมตรเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 201 เพื่อไปยังจังหวัดเลย คาดว่าจะเปิดการจราจรได้วันที่ 3 ส.ค. 2563

นายสราวุธ กล่าวว่า ส่วนถนนทางหลวงเสียหายในจังหวัดมหาสารคาม พบ 1 แห่ง คือ ทางหลวงหมายเลข 2322 ตอนโสกขุ่น-โกสุมพิสัย น้ำกัดเซาะทางเบี่ยงงานก่อสร้างสะพานขาด ช่วง กม.ที่ 4 แนะนำใช้เส้นทางเลี่ยง ทางหลวงหมายเลข2322 จาก อำเภอกุดรัง เลี้ยวขวาที่ กม. 4+825 ผ่านการไฟฟ้าส่วนภูมิภาคกุดรัง ระยะทาง 250 เมตร แล้วเลี้ยวซ้าย จากนั้นตรงไป ผ่านโรงเรียนบ้านกุดรัง ระยะทาง 700 เมตร จนถึงวัดกลางกุดรัง แล้วเลี้ยวซ้าย ตรงไปอีกประมาณ 250 เมตร แล้วเลี้ยวขวาเพื่อเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2322 กม.4 ไปอำเภอโกสุมพิสัย คาดว่าจะเปิดการจราจรได้วันที่ 3 ส.ค. 63

ทั้งนี้ กรมทางหลวงได้สั่งการให้สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวงทั่วประเทศ เฝ้าระวังและติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด หากมีพื้นที่ใดประสบปัญหา เจ้าหน้าที่จะเข้าพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนทันที ตามนโยบายนายศักดิ์สยาม ชิดชอบ รมว.คมนาคม นอกจากนี้ กรมทางหลวงได้ติดตั้งป้ายเตือนและอุปกรณ์ความปลอดภัย อุปกรณ์นำทาง ในบริเวณทางหลวงที่ถูกน้ำท่วม พร้อมเฝ้าระวังสถานการณ์จนกว่าจะคลี่คลาย โดยขอให้ประชาชนผู้ใช้ทางโปรดใช้ความระมัดระวังในการเดินทาง ปฏิบัติตามป้ายเตือน ป้ายแนะนำ และคำแนะนำของเจ้าหน้าที่อย่างเคร่งครัด หากประชาชนต้องการสอบถามสภาพเส้นทาง สภาพการจราจร หรือ ต้องการความช่วยเหลือสามารถติดต่อ ได้ที่สำนักงานทางหลวง แขวงทางหลวง หมวดทางหลวงในพื้นที่ และสายด่วนกรมทางหลวง 1586 (โทรฟรีทุกเครือข่ายตลอด 24 ชั่วโมง)